คุณลักษณะน้ำเสียและผลกระทบของระบบบำบัดน้ำเสียต่อสุขภาพของประชาชนใน เทศบาลนครอุบลราชธานี
คำสำคัญ:
ระบบบำบัดน้ำเสีย, ผลกระทบต่อสุขภาพ, เทศบาลนครอุบลราชธานีบทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินคุณลักษณะน้ำเสียของระบบบำบัดน้ำเสียแบบเติมอากาศ และศึกษาผลกระทบจากระบบบำบัดน้ำเสียต่อประชาชนในพื้นที่ เก็บข้อมูลโดยการสำรวจจากตัวอย่างในเขตพื้นที่เทศบาลนครอุบลราชธานีในระหว่างเดือนสิงหาคม ปี 2560 ถึง เดือนมกราคม ปี 2561 โดยเก็บตัวอย่างน้ำทั้งหมด 5 จุดของระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อนำมาวิเคราะห์ผลในห้องปฏิบัติการ และมีการเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 123 คน เพื่อสำรวจผลกระทบของน้ำเสียที่มีต่อสิ่งแวดล้อม กายภาพ จิตใจ และสังคม นำเสนอผลการศึกษาโดยการแจกแจงความถี่ และร้อยละ ผลการศึกษาคุณลักษณะของน้ำเสีย พบว่า ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) อยู่ในช่วง 6.49 – 8.53 มีค่าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ค่าของแข็งแขวนลอย (Suspended Solids) อยู่ในช่วง 110-268 มก./ล. มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐาน ค่าบีโอดี อยู่ในช่วง 3.07-9.1 มก./ล. มีค่าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ค่าน้ำมันและไขมัน อยู่ในช่วง 3.40-79.4 มก./ล. มีค่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานในจุดสุดท้าย ค่าไนโตรเจนทั้งหมดอยู่ในช่วง 0.45-112 มก./ล. มีค่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 3 จุด ส่วนผลการประเมินผลกระทบของน้ำเสียต่อชุมชนในด้านต่างๆ พบว่า โรคอุจจาระร่วง ตาแดง และไข้เลือดออก ภูมิแพ้ ไข้หวัด และหลอดลมอักเสบ ที่มีสาเหตุจากฝุ่นละออง เป็นโรคระบบทางเดินหายใจซึ่งเกิดขึ้นกับประชาชน ในขณะเดียวกัน ผลกระทบทางจิตใจ พบว่า ประชาชนร้อยละ 42.3 และ 38.2 รู้สึกกังวลเมื่อต้องใช้น้ำผิวดินและน้ำใต้ดินในการอุปโภคบริโภค ตามลำดับ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน จึงควรจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพทางร่างกายในชุมชนอย่างสม่ำเสมอ โดยตรวจสุขภาพของประชาชนในชุมชนเป็นประจำ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดจากการใช้น้ำที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. อรอนงค์ ยิ่งปัญญาธิคุณ การศึกษาการมีส่วนร่วมและความต้องการของประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลนครอุบลราชธานี (กรณีศึกษาการจัดการน้ำเสียของเทศบาลนครอุบลราชธานี). ในการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ ครั้งที่ 2/2557
มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เรื่อง “การพัฒนาองค์ความรู้เชิงบูรณาการสู่ประชาคมอาเซียน”. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. 2557.
3. เทศบาลนครอุบลราชธานี. ระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลเพื่อการติดตามประเมินผลระบบการจัดการมูลฝอยและระบบการจัดการน้ำเสียในชุมชน. 2560.
4. APHA, 2017. Standard Methods for the Examination of Water and Wastewater, 23rd Edn, Eds A.D.Eaton, L.S. Clesceri & A.E.
Greenberg, American Public Health Association,
Washington, DC.
5. ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการ ระบายน้ำทิ้งจากระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชน ลงวันที่ 7 เมษายน 2553 ประกาศในราชกิจจา นุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่มที่ 127 ตอนพิเศษ 69ง วันที่ 2 มิถุนายน 2553.
6. จิราภรณ์ หลาบคำ, ชุลีพร เทพแสง, และ ฐิติมา วันทอง. การประเมินผลกระทบทางสุขภาพของชุมชนที่อยู่รอบสถานที่ฝังกลบมูลฝอยเทศบาลเมืองวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2558. 35(5), 581-586.
7. กิตติ เอกอำพน และ สุภาพร เที่ยมวงศ์. การประเมินสถานการณ์คุณภาพน้ำของแหล่งน้ำผิวดินในมหาวิทยาลัยขอนแก่น. ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 2551.
8. จิราพร จิตเรณู และ วรัญญา พาสุข. การจัดการน้ำเสียและคุณภาพน้ำทิ้งจากชุมชนในเขตเทศบาลตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. ปัญหาพิเศษทางด้านสาธารณสุข. วิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. 2555.
9. ปิยะดา วชิระวงศกร, พัชราภรณ์ วงทวี และ สุภาวดี น้อยน้ำใส. การประเมินผลกระทบทางสุขภาพของชุมชนที่อยู่รอบสถานที่ฝังกลบมูลฝอยเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี จังหวัดสุโขทัย. วารสารการพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิต, 2561. 6(2): 376-87.
10. พัชรี ศรีกุตา. ศึกษาผลกระทบทางสุขภาพของชุมชนที่อาศัยอยู่รอบบริเวณสถานที่ฝังกลบมูลฝอย เทศบาลนครขอนแก่น. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 2554. 4(2), 9-20.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารการแพทย์และสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กองบรรณาธิการไม่สงวนสิทธิ์ในการคัดลอกเพื่อการพัฒนางานด้านวิชาการ แต่ต้องได้รับการอ้างอิงที่ถูกต้องเหมาะสม