ประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาสำหรับเพื่อนสนิทของผู้ถูกรังแกทางไซเบอร์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมพัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาสำหรับเพื่อนสนิทของผู้ถูกรังแกทางไซเบอร์ โดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อ 1) เปรียบเทียบความรู้ด้านการให้คำปรึกษาก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรม และ 2) เปรียบเทียบทักษะการให้คำปรึกษาก่อนและหลังการเข้าร่วมโปรแกรม กลุ่มเป้าหมาย คือ วัยรุ่นจำนวน 32 คน ที่ได้จากการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ (Purposive Sampling) ระยะเวลาในการศึกษา เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม พ.ศ. 2566 เครื่องมือที่ใช้รวบรวมข้อมูลวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) การวัดความรู้และโปรแกรมพื้นฐานด้านการให้การปรึกษา ซึ่งมี 5 เทคนิค โดยมี 3 ขั้นตอนดังนี้ 1) ประเมินคุณลักษณะผู้ให้คำปรึกษา 14 ประการ 2) วัดความรู้ของเพื่อนสนิท ประกอบ ด้วย 2 ส่วน 1) แหล่งที่มาของการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความรู้ของการให้คำปรึกษา 2) แบบวัดระดับความรู้ของเพื่อนสนิท 25 ข้อ เครื่องมือผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ได้ค่าความเชื่อมั่นและความเที่ยงตรง เท่ากับ 0.80, 0.83 ตามลำดับ กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 32 คน ที่ผ่านการประเมินคุณลักษณะผู้ให้คำปรึกษา 14 ประการ คิดเป็น ร้อยละ 100.00
ผลการศึกษาพบว่า ความรู้ของเพื่อนสนิทผู้ถูกรังแกทางไซเบอร์ส่วนใหญ่มีระดับคะแนนมีความรู้น้อย ร้อยละ 66.66 ส่วนระดับคะแนนความรู้มาก มีเพียงร้อยละ 33.34 โดยแหล่งที่มาของการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความรู้ของการให้คำปรึกษา ของกลุ่มตัวอย่าง ส่วนใหญ่ได้รับจากเนื้อหาในวิชาเรียนร้อยละ 60.00 อันดับต่อมาได้มาจากการสอดแทรกในการเรียนการสอนและแหล่งรับรู้นอกมหาวิทยาลัย เช่น สื่อ อินเทอร์เน็ต ทีวีร้อยละ 46.77 และจากสื่อต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย ร้อยละ 40.00 และจากนิทรรศการนาน ๆ ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 66.70 หลังจากเข้าร่วมโปรแกรมการพัฒนาทักษะการให้คำปรึกษาแล้วมีความรู้ด้านการให้คำปรึกษาสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 มีทักษะด้านการให้คำปรึกษาสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่พิมพ์ในวารสารสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ถือว่าเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัยและวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง ไม่ใช่ความเห็นของสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง หรือคณะบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน
เอกสารอ้างอิง
ภัทริกา วงศ์อนันต์นนท์. พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของเด็กและเยาวชน. วารสารพยาบาลทหารบก. 2557;15 (2):173-78.
วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย, กิติศักดิ์ รุจิกาญจนรัตน์, ณฐกร นิลเนตร, รัชดาวัลย์ จิตรพรกุลวสิน, สัณฐิตาพร กลิ่นทอง, เบญจวรรณ ดุนขุนทด และคณะ. การพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลนวัตกรรมการดูแลและส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ฒ.ไม่เฒ่า Diamond พื้นที่จังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์. วารสารสุขภาพกับการจัดการสุขภาพ. 2566;9(2);127-39.
ปราณี อัศวภูษิตกุล, สุภาพร โรจนศุภมิตร. โรคโควิด-19 ปฏิวัติห้องสมุด สู่อนาคตวิถีชีวิตใหม่. วารสารห้องสมุด.2564;65(1):57-74.
พรพรรณ จันทร์แดง. ห้องสมุดยุคใหม่ (Modern library). กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยูเคชั่น; 2557.
นุธิดา ทวีชีพ. ผลของพฤติกรรมการกลั่นแกล้งในโรงเรียนที่มีต่อความผูกพันของนักเรียนระดับประถมศึกษา.การ วิจัยแบบผสานวิธี [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต]. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา; 2565.
Tokunaga RS. Following You Home from School: A Critical Review and Synthesis of Research on Cyberbullying Victimization. Computers in Human Behavior. 2010;26(3):277-87.
สุวิช ถิระโคตร, วีรพงษ์ พลนิกรกิจ. พฤติกรรมการใช้และการรู้เท่าทันอินเทอร์เน็ตและทัศคติการใช้เนื้อหา ด้านสุขภาวะบนอินเทอร์เน็ตของผู้สูงอายุ. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ. 2561;36(1):72-80.
กิตติพศ ทูปิยะ. พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตและสารสนเทศของนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา [ปริญญานิพนธ์ ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต]. ชลบุรี: มหาวิทยาลัยบูรพา; 2560.
อมรทิพย์ อมราภิบาล. เหยื่อการรังแกผ่านโลกไซเบอร์ในกลุ่มเยาวชน: ปัจจัยเสี่ยง ผลกระทบต่อสุขภาพจิตและการปรึกษาบุคคลที่สาม. วารสารวิทยาการวิจัยและวิทยาการปัญญา. 2559;14(1):59-73.
Wang J, Nansel TR, Iannotti RJ. Cyber and traditional bullying: differential association with depression. J Adolesc Health. 2011 Apr;48(4):415-7.
Englander EK. MARC freshman study 2011: Bullying, cyberbullying, risk factors and
reporting. Massachusetts: Bridgewater State University; 2011.
กชพรรณ มณีภาค, อุนิษา เลิศโตมรสกุล. การตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมจากการกระทำผิดในโลกอินเทอร์เน็ต:กรณีศึกษาการรังแกกันในโลกไซเบอร์ ในรูปแบบการคุกตามทางเพศในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. 2562;11(2):95-105.
Hentig HV. The criminal & his victim; studies in the sociobiology of crime. New Haven: Yale University; 1948.
Cohen LE, Felson M. Social Change and Crime Rate Trends: A 100 Routine Activity Approach. American Sociological Review. 1979;4(4):588-608.
Veenstra G. Race, gender, class, and sexual orientation: intersecting axes of inequality and self-rated health in Canada. Int J Equity Health. 2011 Jan 17;10:1-11.
ธัญญากร ตุดเกื้อ, เกษตรชัย และหีม, หทัยชนนี สิทธิชัย. แนวทางการป้องกันพฤติกรรมการรังแกบนโลกไซเบอร์ของนักเรียนมัธยมศึกษาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้. วารสารพฤติกรรมศาสตร์เพื่อการพัฒนา. 2562;11(1):91-106.
นภาวรรณ อาชาเพชร. การรังแกผ่านโลกไซเบอร์ ความรุนแรงที่ต้องแก้ไขและนวัตรกรรมการจัดการปัญหา.วารสารวิชาการนวัตรกรรมการสื่อสารสังคม. 2560;5(1):100-6.
Nystul MS. Introduction to counseling: An art and science perspective. 2nd ed. Boston: Allyn & Bacon; 2003.
Rogers CR. Client-Centered Therapy. London: Redwood Burn Limited; 1976.
กฤตวรรณ คำสม. การศึกษาและการพัฒนาสมรรถนะของนักศึกษาในการให้คำปรึกษาแก่เพื่อน [ปริญญานิพนธ์ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต]. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ; 2554.
จำเนียร บุญมาก. หนังสือรวมบทความวิจัยโครงการประชุมวิชาการระดับชาติพะเยาวิจัย ครั้งที่ 12 หัวข้อ“Research & Innovation for sustainable development goals (SDGs)” กลุ่มการวิจัย: มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ด้านบริหารและการจัดการ) วันที่ 25-27 มกราคม 2566 มหาวิทยาลัยพะเยา. พะเยา: มหาวิทยาลัยพะเยา; 2566.
อรพรรณ ลือบุญธวัชชัย. การให้คําปรึกษาทางสุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2553.
Phitchaya Deemee and Aumporn Lincharoe. A Development Approach for Assessment Learning and Innovation Skills Using Assessment of Learners Method in 21st Century. 2018;10(2):139-53.
ขวัญธิดา พิมพการ, สุนทรี ภานุทัต, พรภิรมย์หลงทรัพย์, เฉลิมศรี นันทวรรณ, สุวิมล พนาวัฒนกุล. การให้คำปรึกษาทางสุขภาพรายบุคคลแบบบูรณาการ. วารสารสุขศึกษา. 2560;40(2):1-9.
เมตตา ไชยเชษฐ์. การพัฒนาทักษะการให้คําปรึกษาของผู้ให้คําปรึกษาโดยใช้กระบวนการสะท้อนคิดในรายวิชาการสื่อสาร การสอนและการให้คําปรึกษาทางสุขภาพ. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี.2563;3(2):190-206.
กมล โพธิเย็น. การให้การปรึกษาทางจิตวิทยา: เครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาผู้เรียน. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร. 2564;19(2):11-27.