ความสำเร็จในการแปลงนโยบายการดูแลผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงสู่การปฏิบัติในสถานบริการสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3: กรณีศึกษา NCD Clinic Plus ปี พ.ศ.2564
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาเป็นการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Methods Research) รูปแบบเชิงปริวรรต วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสำเร็จในการแปลงนโยบายการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงสู่การปฏิบัติใน NCD Clinic Plus เขตสุขภาพที่ 3 ปี พ.ศ. 2564 ศึกษาระหว่างเดือนมีนาคม–กันยายน พ.ศ. 2564 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาเลือกแบบเจาะจง จำนวน 3 กลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสัมภาษณ์ และแบบสอบถาม มีค่าความตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.84 ความเชื่อมั่นกำหนดเกณฑ์ = 0.70 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการศึกษา พบว่า 1) ผลการวิเคราะห์นโยบาย ด้านระบบสนับสนุนการดำเนินงาน NCD Clinic Plus พบว่า นโยบายนี้เกิดขึ้นมาจากเขตและส่วนกลาง เป้าประสงค์เชิงนโยบายมีความชัดเจน โดยวัตถุประสงค์ที่ตั้งขึ้น เพื่อลดการป่วย ลดการตาย ลดภาวะแทรกซ้อนและการจัดการปัจจัยเสี่ยง จุดแข็ง คือ เป็นตัวชี้วัดระดับกระทรวง ผู้บริหารให้ความสำคัญ คู่มือ/แนวทางมีความละเอียด จุดอ่อน คือ บางตัวชี้วัดต้องใช้งบประมาณในการขับเคลื่อนการติดตามกลุ่มสงสัยป่วย และมีบุคลากรน้อย ด้านผลลัพธ์การดำเนินงาน มีการวิเคราะห์ผลการประเมิน Online มีการพัฒนา IT สนับสนุนการปฏิบัติงาน และผลักดันการมีส่วนร่วมจากท้องถิ่นและทุกภาคส่วน และการสร้างนวัตกรรมในพื้นที่ 2) รูปแบบการจัดบริการคลินิก NCD มีการจัดบริการอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ และมีคู่มือแนวทางการดำเนินงาน NCD clinic Plus & Online ภาพรวมความต้องการพัฒนาอยู่ในระดับมาก ( =3.44, S.D. = 0.72) พบว่า ความต้องการการพัฒนาจากมากไปน้อย ได้แก่ ระบบสารสนเทศ ( =3.49, S.D.= 0.84) และ การจัดบริการเชื่อมโยงชุมชน ( =3.49, S.D. = 0.77) ระบบสนับสนุนและการจัดการตนเอง ( =3.46, S.D. =0.73) ทิศทางของนโยบาย ( =3.35, S.D.=0.72) ตามลำดับ 3) ความสำเร็จจากการให้บริการ ด้านการดูแลผู้ป่วยเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง พบว่า ภาพรวมผ่านเกณฑ์ประเมินรับรอง 76.72 อยู่ในเกณฑ์ระดับ ดี (75-79) 4) ด้านความพึงพอใจของผู้รับบริการ พบว่า มีความพึงพอใจการให้บริการจากมากไปน้อย คือ การเจาะเลือดและการวัดความดัน ( =4.13, S.D. = 0.73) การประเมิน CVD Risk ( =3.82, S.D. = 0.64) ตามลำดับ
ปัญหา อุปสรรค ด้านการพัฒนาผู้ปฏิบัติงานในสถานบริการสาธารณสุข ได้แก่ จำนวนบุคลากรที่ให้บริการไม่เพียงพอกับผู้รับบริการ ขาดสหวิชาชีพ การพัฒนาระบบสารสนเทศและการเชื่อมต่อกับชุมชน ด้านการบริการดูแลผู้ป่วย DM/HT ได้แก่ สถานที่ไม่เพียงพอ การรอคอยพบแพทย์ มีบุคลากรน้อย ค่ามาตรฐานการเจาะเลือด เป็นต้น ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติ ด้านการพัฒนาการให้บริการ 1) ควรขับเคลื่อนนโยบาย
ผ่านคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ 2) ควรสร้างความเข็มแข็งและขยายความครอบคลุม
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3) ควรเพิ่มขีดความสามารถของทีมสหสาขาวิชาชีพในการดูแล และ 4) ควรมีระบบการติดตาม กำกับ และประเมินผลลัพธ์ที่ครอบคลุมการจัดบริการอย่างต่อเนื่อง ด้านการบริการดูแลผู้ป่วย DM/HT 1) ควรพัฒนาระบบการจัดบริการในด้านต่างๆ ให้มีสถานที่เพียงพอเหมาะสมต่อการดูแลผู้ป่วย 2) ควรมีระบบติดตามประเมินผลหลังจากที่ผู้ป่วยกลับบ้าน เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3) ควรลดความแออัด ควรจัดบริการที่ผู้ป่วยสามารถดูแลและจัดการตนเองได้เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทางมารับบริการ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่พิมพ์ในวารสารสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ถือว่าเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัยและวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง ไม่ใช่ความเห็นของสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง หรือคณะบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน
เอกสารอ้างอิง
อรรถเกียรติ กาญจนพิบูลวงศ์, ภาณุวัฒน์ คำวังสง่า, สุธิดา แก้วทา. รายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2562. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2563.
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564). พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: อิโมชั่น อาร์ต; 2560.
กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. คู่มือแนวทางการดำเนินงาน NCD Clinic Plus & Online. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2564.
Likert, Rensis A. New Patterns of Management. New York: McGraw-Hill Book Company Inc;1961.
Best, John W. Research in Education. 3rd ed. Englewood Cliffs: New Jersey: Prentice Hall, Inc;1977.
จารุวรรณ ศรีพงษ์พันธุ์กุล. การแปลงแผนสู่การปฏิบัติ. เอกสารประกอบการบรรยาย กองแผนงาน สำนักงานอธิการบดี. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ.[ออนไลน์]. [เข้าถึงเมื่อ 25 พฤษภาคม 2564]. เข้าถึงได้จาก https://www.ubu.ac.th › web › files_up
วรเดช จันทรศร. ทฤษฎีการนำนโยบายสาธารณะไปปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 5 กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค; 2554.
Edwards III, George C. Implementing Public Policy. Washington, D.C.:Congressional
Quarterly Press; 1980.
เกษมธิดา หะซะนี และอิศรา สพสมัย. พัฒนารูปแบบคลินิกหมอครอบครัวในเมืองหนาแน่น จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2562; 28 (4): 667-677.
กาญจนรัตน์ ทองบุญ และคณะ ผลการพัฒนาคุณภาพระบบบริการคลินิกโรคเรื้อรังโดยการมี ส่วนร่วมของคลินิกหมอครอบครัวต่อการควบคุมระดับนํ้าตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่
[ออนไลน์]. [เข้าถึงเมื่อ 25 พฤษภาคม 2564]. เข้าถึงได้จาก http://www.Amno.moph.go.th/amno_new /files/1p1.pdf
ปราโมทย์ ถ่างกระโทก. บทบาทพยาบาลวิชาชีพในการจัดการโรคเรื้อรัง. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ 2560; 37 (2 ); 154-159
อัสมน นามวงษ์, รัชชนก กลิ่นชาติ, สุมาลี ราชนิยม, พนัชกร ค้าผล, นฤมล ทองภักดี. การพัฒนา
รูปแบบการส่งเสริมการจัดการตนเองผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับนํ้าตาลไม่ได้. วารสารพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข 2562; 29 (3): 179-193.