Development of a health literacy building model for liver fluke prevention of secondary educational service area, Regional Health9th

Main Article Content

เบญจมาศ อุนรัตน์
พรรณรัตน์ เป็นสุข

Abstract

This operational study aimed to develop a health literacy building model for liver fluke prevention of secondary educational service area, Regional Health 9th. PAOR model was applied in 4 phases of the study: Planning, Action, Observation and Reflection. Data was collected through focus group discussions, observations and interviews. Content analysis was used to analyse qualitative data whereas descriptive and Inferential statistics were used to analyse quantitative one. Paired sample t-test was used to compare means.


It was found that a health literacy building model for liver fluke prevention in educational institution should consist of (1) human resource preparation through capacity building (2) integrated operation through working group (3) capacity building of process facilitators (4) selection of study area (5) Evaluation:  After using a health literacy building programme in 40 participants for 2 months, it was shown that the mean score of health literacy and behaviour on liver fluke prevention increased significantly (p-value < 0.05) and the mean score of half-cooked fish consumption behaviour increased.


A health literacy building programme was suggested to scale up among parent group and community for sustainable outcome as it is important to involve all social networks including school authorities, teachers, students and community in facilitating the operation of health literacy school.

Article Details

How to Cite
1.
อุนรัตน์ เ, เป็นสุข พ. Development of a health literacy building model for liver fluke prevention of secondary educational service area, Regional Health9th. IUDCJ [Internet]. 2021 Aug. 30 [cited 2024 Dec. 22];6(1):175-92. Available from: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/iudcJ/article/view/250890
Section
Research Articles

References

กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค. เอกสารประกอบการประชุมแนวทางการดำเนินงานโรคพยาธิ ใบไม้ตับปีพ.ศ 2563. การประชุมชี้แจงแผนดำเนินงานโรคพยาธิใบไม้ตับ; 10 พฤศจิกายน พ.ศ 2563; ณ ห้องประชุมโรงแรมเดอะริช จังหวัด นครราชสีมานครราชสีมา: สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา; 2561.

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 กรมควบคุมโรค. แผนงานโครงการโรคพยาธิใบไม้ตับ. การประชุมจัดทำแผนงานโครงการ ประจำปีงบประมาณ 2564; 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564; ณ ห้องประชุมสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา. นครราชสีมา: สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา; 2564.

อังษณา ยศปัญญา. ความชุกและปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดโรคพยาธิใบไม้ตับ จังหวัดเลย ปี 2556 . วารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น 2558; 22 (1): 89-97.

กองสุขศึกษา. การเสริมสร้างและประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพ. กรมสนับสนุน บริการสุขภาพ; 2561.

ชลดา อานี. ประสิทธิผลของโปรแกรมการสร้างเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพโดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้คำถามเพื่อการสร้างเสริมพฤติกรรมการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดนนทบุรี.วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์ 2560; 32 (2): 137-143.

สำนักงานโครงการขับเคลื่อนกรมอนามัย 4.0 เพื่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชน. คู่มือแนวทางการพัฒนาโรงเรียนรอบรู้ด้านสุขภาพ. [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2561]. แหล่งข้อมูล https://anyflip.com/kwrps/khql/basic.

Krejcie, R.V. & Morgan, D.W. (1970). “Determining Sample Size for Research Activities”. Educational and Psychological Measurement, 30(3): 607-610.

สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค. (2563). เอกสารประกอบการการดำเนินงานสื่อสารความเสี่ยงเสริมความรอบรู้ด้านการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ , 23 พฤศจิกายน 2563; ณ ห้องประชุมโรงแรมอักษร จังหวัดระยอง: กรมควบคุมโรค; 2563.

ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารการศึกษา โรงเรียนสะแกพิทยาคม, 2564 ข้อมูลจำนวนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2564]. แหล่งข้อมูลhttps://data.boppobec.info/emis/index_area.php?Area_CODE=101730.

ขวัญเมือง แก้วดำเกิง. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง; 2562.

สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ. การประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพของประชาชน ปี 2563.กรมควบคุมโรค; 2563.

วาริณี เอี่ยมสวัสดิ. การสร้างเสริมสุขภาพในสถานศึกษา. วารสารความปลอดภัยและสุขภาพ 2561; 11 (2): 1-11.

Nutbeam D. (2000). Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health promotion international, 15(3): 259-267.

เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ, หลักการ 4 m. [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2564]. แหล่งข้อมูลhttp://ioklogistics.blogspot.com.

ชลดา อานี. ประสิทธิผลของโปรแกรมการสร้างเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพโดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้คำถามเพื่อการสร้างเสริมพฤติกรรมการป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ในนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดนนทบุรี.วารสารศึกษาศาสตร์ปริทัศน์ 2560; 32 (2): 137-143.

กรมอนามัย. (2558). แนวทางการพัฒนาสู่โรงเรียนรอบรู้ด้านสุขภาพ. [อินเทอร์เน็ต]. [สืบค้นเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2562]. แหล่งข้อมูล http://203.157.19.59/upload-file/doc/files/22022020-113926-3992.pdf.