การศึกษาความชุกและลักษณะของหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี จังหวัดปทุมธานี ปี 2561
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional study) มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาความชุกและลักษณะของหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี จังหวัดปทุมธานี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษานี้คือ ข้อมูลหญิงตั้งครรภ์ที่ขึ้นทะเบียนฝากครรภ์ของโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 จากฐานข้อมูล Health Data Center (HDC) จำนวน 2,982 ราย มีผลการตรวจ hepatitis B surface antigen (HBsAg) เป็นบวก จำนวน 29 ราย โดยใช้แบบบันทึกข้อมูลที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้น การวิเคราะห์ข้อมูลนั้นใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive statistics) ได้แก่ แจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา พบว่า จากข้อมูลหญิงตั้งครรภ์ จำนวน 2,982 ราย มีผลการตรวจ hepatitis B surface antigen (HBsAg) เป็นบวก จำนวน 29 ราย (ความชุก ร้อยละ 1.0) มีอายุ 30 - 39ปี ร้อยละ 58.6 ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอคลองหลวง ร้อยละ 55.2 ประกอบอาชีพรับจ้าง ร้อยละ 75.9 หญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มีเชื้อชาติไทย ร้อยละ 69.0 และนับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 75.9 ส่วนระดับการศึกษา ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 55.2 นอกจากนี้สถานพยาบาลที่ฝากครรภ์ ส่วนใหญ่ฝากครรภ์ในโรงพยาบาล ร้อยละ 48.8 มีอายุครรภ์ 15 – 28 สัปดาห์ ร้อยละ 44.8 และจำนวนของการตั้งครรภ์ส่วนใหญ่อยู่ครรภ์ที่ 3 ร้อยละ 37.9 จากผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ในหญิงตั้งครรภ์ จังหวัดปทุมธานี ปีงบประมาณ 2561 มีแนวโน้มพบในการตั้งครรภ์ครั้งที่ 2 เป็นต้นไป ซึ่งหากหญิงตั้งครรภ์เหล่านี้ได้รับการรักษาตั้งแต่ตรวจพบการติดเชื้อแล้ว จะส่งผลให้สามารถการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี จากแม่สู่ลูกได้
ข้อเสนอแนะ การดำเนินการป้องกันควบคุมโรค ควรให้ความสำคัญกับการตรวจวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบบีในหญิงตั้งครรภ์ที่มารับบริการฝากครรภ์และรักษาการติดเชื้อทุกราย เพื่อให้สามารถควบคุมการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ในหญิงตั้งครรภ์ และป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจากแม่สู่ลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
Article Details
บทความที่พิมพ์ในวารสารสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ถือว่าเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัยและวิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเอง ไม่ใช่ความเห็นของสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง หรือคณะบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนจำต้องรับผิดชอบต่อบทความของตน
เอกสารอ้างอิง
2. Kowdley KV. The cost of management chronic hepatitis B infection: A global perspective. Journal of gastroenterology 2004; 38: 132-133.
3. สำนักสารสนเทศ สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข. โชว์ผลงานรอบ 20 ปีป้องกันโรค “ไวรัสตับอักเสบบี” [อินเทอร์เน็ต]. 2553 [สืบค้นเมื่อ 13 เม.ย. 2563]. แหล่งข้อมูล: http://www.moph.go.th/ops/iprg
4. ไกลตา ศรีสิงห์, ธิติมา เงินมาก, นัดดา แปดสี. ความชุกไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังในจังหวัดพิษณุโลก. วารสารกุมารเวชศาสตร์ 2015; 52(3): 200-205.
5. สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานโรคในระบบเฝ้าระวัง 506 [อินเทอร์เน็ต]. 2015 [สืบค้นเมื่อ 5 พ.ค. 2563]. แหล่งข้อมูล: http://www.boe.moph.go.th
6. กระทรวงสาธารณสุข. ฐานข้อมูล 43 แฟ้ม [อินเทอร์เน็ต]. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2562 [สืบค้นเมื่อ 20 มิ.ย. 2562]. แหล่งข้อมูล: https://pte.hdc.moph.go.th/hdc/reports/report.php?source=pformated/format1.php&cat_id=1ed90bc32310b503b7ca9b32af425ae5&id=1c1b8e24aff59258a806f122e264031e#
7. Bureau of Epidemiology. Annual epidemiology surveillance report 2006-2015. Bangkok: Ministry of Public Health; 2015.
8. อัมพร เฮงประเสริฐ. ไวรัสตับอักเสบบีและซี ในหญิงตั้งครรภ์ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2553.
9. นันทวัน กลึงเทศ, นัยนา วัฒนกุล. อุบัติการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เอดส์ และซิฟิลิสในหญิงตั้งครรภ์ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2552.
10. พรสวรรค์ เห็นภูมิ. ความชุกของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และซิฟิลิส ในหญิงที่มาฝากครรภ์ ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี [วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต]. ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น; 2553.
11. Amsalu A, Ferede G, Eshetie S, Tadewos A, Assegu D. Prevalence, Iinfectivity, and associated risk factors of hepatitis B virus among rpregnant woman in Yirgalem hospital, Ethiopia: Implication of screening to control mother-to-child transmission. Journal of pregnancy 2018; 363 :1687-9.
12. Gedefaw G, Waltengus F, Akililu A, Gelaye K. Risk factor associated with hepatitis B virus infection among pregnant women attending antenatal clinic at Felegehiwot referral hospital Northwest Ethiopia, 2018: an institution base cross sectional study. BMC Research Notes 2019; 12: 509.
13. กรมอนามัย. คำรับรองการปฏิบัติราชการ กรมอนามัย. [อินเทอร์เน็ต]. 2020 [สืบค้นเมื่อ 30 ก.ย. 2563]. แหล่งข้อมูล: http://www.planning.anamai.moph.go.th