ประสิทธิภาพของการเจาะตรวจเซลล์เนื้อเยื่อด้วยเข็มขนาดเล็ก ในการวินิจฉัยภาวะต่อมน้ำเหลืองที่คอโต
คำสำคัญ:
การเจาะตรวจเซลล์เนื้อเยื่อด้วยเข็มขนาดเล็ก มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ลักษณะทางคลินิกบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: ต่อมน้ำเหลืองที่คอโตเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในเวชปฏิบัติ การเจาะตรวจเซลล์เนื้อเยื่อด้วยเข็มขนาดเล็กเป็นกระบวนการสำคัญเพื่อให้ได้การวินิจฉัยเบื้องต้น แต่ในบางภาวะ เช่นโรคมะเร็งของต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma) ลักษณะของเซลล์เนื้อเยื่อที่ได้จากการเจาะดูด ไม่สามารถแยกได้อย่างชัดเจนจากภาวะต่อมน้ำเหลืองโตอื่นๆ ต้องอาศัยการตัดต่อมน้ำเหลืองทั้งก้อนไปตรวจ หากต้องทำการผ่าตัดในผู้ป่วยทุกราย ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูง และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้ วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ เพื่อทราบความแม่นยำของการเจาะตรวจเซลล์เนื้อเยื่อด้วยเข็มขนาดเล็ก เพื่อสามารถให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยที่จะเข้ารับการรักษาแบบเฝ้าระวัง และทราบลักษณะทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับโอกาสการเป็นมะเร็ง เพื่อสามารถเลือกผู้ป่วยที่สมควรเข้ารับการผ่าตัดได้อย่างเหมาะสม
วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบย้อนกลับ (Retrospective study) โดยเก็บข้อมูลผู้ป่วย 98 คนที่เข้ารับการรักษาด้วยภาวะต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ที่แผนกหู คอ จมูก โรงพยาบาลหัวหิน ตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 ถึง 31ธันวาคม 2563 โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วยนอก และวิเคราะห์ข้อมูลหาค่าความไว ความจำเพาะ และความแม่นยำของการตรวจเซลล์เนื้อเยื่อด้วยการเจาะดูดด้วยเข็มขนาดเล็ก และการวิเคราะห์ปัจจัยทางคลินิกที่สัมพันธ์กับโอกาสการเป็นมะเร็ง โดยใช้ t-test หรือ Mann-Whitney U test กับปัจจัยทางคลินิกที่เป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (Continuous data) และ Chi-square หรือ Fisher-exact test กับปัจจัยที่เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพชนิดจัดกลุ่ม (Category data)
ผลการศึกษา: ผู้เข้าร่วมการวิจัย 98 คน ผลการตรวจเซลล์เนื้อเยื่อจากการเจาะดูด เพื่อวินิจฉัยภาวะมะเร็งภายในต่อมเหลือง (Malignancy condition) มีค่าความไวร้อยละ 54.55 ค่าความจำเพาะร้อยละ 90.79 โอกาสที่ผู้ป่วยจะเป็นมะเร็งถ้าผลตรวจเป็นบวกร้อยละ 63.16 โอกาสที่ผู้ป่วยจะไม่เป็นมะเร็งเมื่อผลตรวจเป็นลบร้อยละ 87.34 ค่าความแม่นยำของการตรวจอยู่ที่ร้อยละ 70.41 ซึ่งในกรณีของภาวะมะเร็งแพร่กระจายมาที่ต่อมน้ำเหลือง การตรวจเซลล์เนื้อเยื่อด้วยการเจาะดูดมีค่าความแม่นยำถึง 100% แต่ในกรณีของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองการตรวจเซลล์เนื้อเยื่อด้วยการเจาะดูดยังไม่สามารถให้การวินิจฉัยได้แน่ชัด จึงได้ทำการศึกษาลักษณะทางคลินิกของผู้ป่วย พบว่า ในกลุ่มที่เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มีค่าเฉลี่ยอายุ และขนาดของต่อมน้ำเหลืองมากกว่ากลุ่มที่ไม่เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และในกลุ่มโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง พบต่อมน้ำเหลืองโตที่ตำแหน่ง 1,2,3 ของลำคอ และพบมีต่อมน้ำเหลืองที่คอโตสองข้างมากกว่ากลุ่มที่ไม่เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งของ ต่อมน้ำเหลือง คือ ขนาดของต่อมน้ำเหลือง โดยมีค่า Adjusted odd ratio ที่ 3.93
สรุป: ในการวินิจฉัยภาวะต่อมน้ำเหลืองที่คอโตอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกาย การเจาะดูดเซลล์เนื้อเยื่อด้วยเข็มขนาดเล็กมีความสำคัญ เพื่อการวินิจฉัยแยกโรคเบื้องต้นและช่วยในการตัดสินใจว่าควรทำการตรวจวินิจฉัยขั้นตอนใดต่อ ในกรณีของภาวะมะเร็งแพร่กระจายมาที่ต่อมน้ำเหลืองการเจาะดูดเซลล์เนื้อเยื่อด้วยเข็มขนาดเล็กมีผลที่แม่นยำในการวินิจฉัย แต่สำหรับกรณีของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง แม้ว่าผลการตรวจเซลล์วิทยาที่ได้จากการเจาะดูดที่ออกมาจะไม่พบลักษณะของมะเร็งชัดเจน แต่ผู้ป่วยที่อายุมาก เพศชาย ขนาดต่อมน้ำเหลืองที่โตมาก ต่อมน้ำเหลืองโตที่ตำแหน่ง 1, 2, 3 และพบมีต่อมน้ำเหลืองที่คอโตทั้งสองข้าง ควรได้รับการทำ Excisional lymph node biopsy เพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่แน่ชัด ส่วนในผู้ป่วยกลุ่มที่เหลือควรได้รับการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
คำสำคัญ: การเจาะตรวจเซลล์เนื้อเยื่อด้วยเข็มขนาดเล็ก โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ลักษณะทางคลินิก
เอกสารอ้างอิง
2. keith VE, Harsharan SK, Jerald GZ. Fine needle aspiration biopsy of lymph node in modern era : reactive lymphadenopathies. Pathol Case Rev 2007;12(1):27-35
3. Hoelett DC, Harper B, Quante M, Berresford A, Morley M, Grant J. Diagnostic adequeacy and accuracy of fine needle aspiration cytology in neck lump assessment: result from a regional cancer network over a one year period. J Laryngol Otol 2007;121(6):571-9
4. ภัทรพิมพ์ สรรพวีรวงศ์, สุรศักดิ์ สังขทัต ณ อยุธยา, หัชชา ศรีปลั่ง, พรรณทิพย์ ฉายากุล. การศึกษาเปรียบเทียบ fine needle aspiration biopsy กับ conventional biosy ในการวินิจฉัยสาเหตุของภาวะต่อมน้ำเหลืองโต. สงขลานครินทร์เวชศาสตร์ ปีที่17 ฉบับที่ 3 ก.ค. – ก.ย. 2542; 195-199
5. Nesreen H, Hafez *, Neveen S, Tahoun. Reliability if fine needle aspiration cytology (FNAC) as diagnostic tool in case of cervical lymphadenopathy. Journal of the Egyptian National Cancer Institute 2011;23:105-114
6. Adhikari P, Sinha BK, Baskota DK. Comparison of fine needle aspiration cytology and histopathology in diagnosing cervical lymphadenopathy. AMJ 2011,4,2,97-99
7. Y. M. Park, K. H. Oh, J. -G. Cho, S. -K. Baek, S. -Y. Kwon, K -Y. Jung, J. -S. Woo. Analysis of efficacy and safety of core-needle biopsy versus fine-needle aspiration cytology in patients with cervical lymphadenopathy and salivary gland tumor. Int. J. Oral Maxillofac. Surg. 2018;47:1229-1235
8. แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัยภาวะต่อมน้ำเหลืองที่คอโต (พิมพ์ครั้งที่1). (2547). สํานักพัฒนาวิชาการแพทย์ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ
9. Fumihiko M, Shin I, Shin-ichi O, Hidenori Y, Masayuki F, Karsuhisa I. Biopsy of cervical lymph node. Aurius Nasus Larynx. 2009;36:71-74
10. Tadataka T, Koichi S, Hiroshi N, Yoshiya N, Yasuhiro U, Susumu T, Mikihiko K. Predictor of the necessity for lymph node biopsy of cervical lymphadenopathy. Journal of Cranio-Maxillo-Facial Surgery.2015;43:2200-2204
11. Yorihisa O, Soichiro N, Yasaharu Sato, Kentato Miki, Shuhei D, Misato H, Yasuyuki M, Kazuo H, Norio K, Kasunori N, Tadashi Y. Cervical lymph node extirpation for the diagnosis of malignant lymphoma. Surg Today. 2013;43:67-72
12. Robbins KT, Cole R, Marvel J. The violated neck: cervical node biopsy prior to definite treatment. Otolaryngol Head Neck Surg.1986;94(5):605-610
13. Leung AKC, Robson LM. Childhood cervical lymphadenopathy. J Pediatr Health Care 2004;18:3-7
14. Rakhshan M, Rakhshan A. The diagnostic accuracy of fine needle aspiration cytology in Neck lymphoid masses. Iranian J Pathol 2009;4(4):147–50.
15. Kumari TRR, Rajalakshmi T. Fine needle aspiration cytology in the diagnosis of Hodgkin lymphoma: Hits and misses. J Cytol 2008;25(1):10–2.
16. AlAlwan NA, AlHashimi AS, Salman MM, et al. Fine needle aspiration cytology versus histopathology in diagnosing lymph node lesion. East Mediterr Health J 1996;2(2):320-5.
17. Pandit AA, Candes FB, Khubchandhani SR. Fine neddle aspiration cytology of lymph nodes. J Postgrad Med 1987;33(3):134-6
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 โรงพยาบาลหัวหิน

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารหัวหินเวชสาร เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลหัวหิน
บทความที่ลงพิมพ์ใน วารสารหัวหินเวชสาร ถือว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคณะบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
