การพัฒนาระบบการคัดกรองคำสั่งใช้ยาผู้ป่วยในโรงพยาบาลบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
คำสำคัญ:
ความคลาดเคลื่อนทางยา, ความคลาดเคลื่อนจากการสั่งใช้ยา, การคัดกรองคำสั่งใช้ยาบทคัดย่อ
บทคัดย่อ
บทนำ ความคลาดเคลื่อนทางยา (Medication error; ME) คือเหตุการณ์ใดๆ ที่สามารถป้องกันได้ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหรือนำไปสู่การใช้ยาที่ไม่เหมาะสม หรือเป็นอันตรายแก่ผู้ป่วย พบความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นจากการสั่งใช้ยามากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับความคลาดเคลื่อนในขั้นตอนอื่นๆ ซึ่งสามารถป้องกันได้ โดยใช้ระบบคัดกรองคำสั่งใช้ยาเพื่อ ค้นหาและแก้ไขความคลาดเคลื่อนทางยาก่อนถึงตัวผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น
วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาระบบการคัดกรองคำสั่งใช้ยาผู้ป่วยในและเปรียบเทียบรายงานความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยาก่อนและหลังพัฒนาระบบคัดกรองคำสั่งใช้ยา
วิธีการศึกษา การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ ดำเนินการดังนี้ 1.วิเคราะห์ปัญหาความคลาดเคลื่อนทางยา 2.พัฒนาระบบการคัดกรองคำสั่งใช้ยาผู้ป่วยใน โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ สร้างแบบฟอร์มการคัดกรองคำสั่งใช้ยา และเพิ่มขั้นตอนเภสัชกรคัดกรองคำสั่งใช้ยาก่อนที่จะบันทึกข้อมูลยาในระบบและพิมพ์ฉลากยา 3.รวบรวมผลการดำเนินงาน และประเมินผลลัพธ์ โดยเปรียบเทียบข้อมูลความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยาจาก 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงไม่มีและมีเภสัชกรคัดกรองคำสั่งใช้ยา วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา
ผลการศึกษา พบว่าสามารถดักจับความคลาดเคลื่อนจากการสั่งใช้ยาได้เพิ่มขึ้นจาก 2.93 เป็น 6.16 ครั้งต่อ 1,000 วันนอน เมื่อใช้แบบคัดกรองคำสั่งใช้ยาที่พัฒนาขึ้น และสามารถดักจับความคลาดเคลื่อนได้เป็น 11.35 ครั้ง ต่อ 1,000 วันนอน เมื่อเพิ่มเภสัชกรคัดกรองคำสั่งใช้ยาในขั้นตอนก่อนบันทึกคำสั่งใช้ยาในระบบคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะความคลาดเคลื่อนทางยาที่ส่งผลกระทบทางคลินิกต่อผู้ป่วย ชนิดของความคลาดเคลื่อนที่พบสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การไม่ได้สั่งยาให้กับผู้ป่วย การสั่งยาขนาดไม่เหมาะสม และการสั่งยาผิดวิธีใช้/นัดฉีดยาผิด
สรุปผลการศึกษา ระบบที่พัฒนาขึ้นโดยการเพิ่มเภสัชกรคัดกรองคำสั่งใช้ยาร่วมกับการใช้แบบคัดกรองคำสั่งยาในขั้นตอนก่อนบันทึกคำสั่งใช้ยาในคอมพิวเตอร์ เป็นขั้นตอนแรกในงานบริการผู้ป่วยใน สามารถป้องกันความคลาดเคลื่อนจากการสั่งใช้ยาก่อนถึงตัวผู้ป่วยได้ดีขึ้น
เอกสารอ้างอิง
Gilbert DN, Moellering RC, Eliopoulos GM, Sande MA.The Sanford guide to antimicrobial therapy 2015. 45th ed.Hyde park. Antimicrobial therapy ;2015.
Hicks RW., Becker SC. And Windle PE. Medication errors in the PACU.Perianesthesia Nursing 22(2007) : 413-9.
Kozer E., Scolnik D., Keays T.,et al. “Large errors in dosing of medications for children”. The New England journal of medicine 346(2002) : 1175-6
Lacy CF, Armstrong LL, Goldman MP, et al. Drug information handbook. 18th ed. Cleaveland: Lexi Comp Inc.
Mann RD.(1998). Prescription-event monitoring-recent progress and future horizons. Br J Clin Pharmacol 1998;46: 195-201
Medscape Pharmacists Internet. New York: WebMD; c1994-2015 updated 20015 Mar 9; cited 2015 Mar 16. Available from: http://www.medscape.com/pharmacists
National Coordinating Council for Medication Error reporting and Prevention. Online Accessed 16 Dec,2008 Available from http://www.corexcel.com/courses3/preventing.medication.errors1.html.
Runcimam WB., Roughead EE., Semple SJ. Et al. “Adverse drug events and medication errors in Australia”. International journal for quality in health care 15 (2003) : i49-i59
กมลกาญจน์ วจีนุรักษากุลชัย,ศิลป์ศุภา ลิ้มพงศานุรักษ์.(2554).ทักษะของเภสัชกรในการวิเคราะห์ใบสั่งยา.โครงการพิเศษปริญญาเภสัชศาสตร์บัณฑิต. กรุงเทพฯ:คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
วิชัย สันติมาลีวรกุล, ชาญกิจ พุฒิเลอพงศ์, นิรันดร์ จ่างคง, ปรีชา มนทกานกุล.คู่มือเภสัชกร การใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม. กรุงเทพฯ: ประชาชน; 2556
สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย.คู่มือการจัดการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะเริ่มต้น. กรุงเทพฯ: สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ; 2555.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารหัวหินเวชสาร เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลหัวหิน
บทความที่ลงพิมพ์ใน วารสารหัวหินเวชสาร ถือว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคณะบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
