Factors Affecting Overweight Prevention Behavior of HuaHin Hospital Personnel
Keywords:
overweight, social support, personnel of Hua Hin HospitalAbstract
Background: Overweight can cause major health problems. It is also a risk factor for developing other non-communicable diseases such as diabetes, heart disease, high blood pressure, and cancer, as well as an increase in premature death.
Objectives: To study the behavior of Hua Hin Hospital personnel in preventing overweight and the factors that affect their behavior.
Method: A descriptive study was conducted among Hua Hin Hospital personnel. 300 people were sampled through a stratified random sampling method based on professional proportion. Data was collected using questionnaires. Descriptive statistics were used for analysis. Hypotheses were tested using the T-test, one-way analysis of variance, and Pearson’s correlation coefficient.
Results: Most personnel were female (78%), aged less than 35 years (53.3%), had a bachelor's degree (66%), and were single (53%). In terms of body mass index, 17.3% were overweight (BMI 23.00-24.99 kg/m2), 24.0% were in the first level of obesity (BMI 25.00-29.99 kg/m2), and 15.7% were in the second level of obesity (BMI 30.00 kg/m2). Overall, the level of prevention behavior for overweight is moderate. The level of social support overall is low. It was found that body mass index affects overweight prevention behavior (p=.046), and social support has a positive correlation with behavior to prevent overweight, r=.413 (p<0.01). The overweight prevention behavior is not affected by gender, age, education, or status.
Conclusions: Personnel should receive social support, which is positively related to overweight prevention behaviors, to promote their health status. In particular, increasing social support, emotional and informational support, which are at a low level, and material support, which is at a moderate level, can create behavioral changes to prevent overweight.
References
World Health Organization.World obesity day 2022 :Accelerating action to stop obesity. [Internet]. [cited 20 March 2024]. Available from: https://https://www.who.int/news/item/04- 03-2022-world-obesity-day-2022-accelerating-action-to-stop-obesity
World Health Organization. Global Health Observatory (GHO) data repository. Body mass index (BMI). [Internet]. 2014. [cited 20 March 2024].Available from: https://www.who.int/data/gho/data/ themes/topics/topic-details/GHO/body-mass-index
สุนิตรา ทองดี. ความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนกับปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดในบุคลากรโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช. วารสารโรงพยาบาลแพร่. 2562;27(1):38-50.
World Obesity Federation, 2022. World Obesity Atlas 2022. [Internet]. 2022. [cited 18 March 2024]. Available from:https://www.worldobesity.org/resources/resource-library/world- obesity- atlas-2022.
กลุ่มบริหารยุทธศาสตร์ สำนักโภชนาการ กรมอนามัย. รายละเอียดตัวชี้วัดเฝ้าระวังทางโภชนาการประจำปีงบประมาณ 2566:84.
วิชัย เอกพลากรและคณะ. รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562 – 2563. กรุงเทพฯ:คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล; 2564:169.
โรงพยาบาลหัวหิน รายงานผลการตรวจสุขภาพบุคลากรโรงพยาบาลหัวหิน 2564.
ภัทราพร ตุ้ยนะ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการลดน้ำหนักและความพึงพอใจในชีวิต (Life Satisfaction) ของประชากรในเขตกรุงเทพมหานคร [อินเตอร์เนต].กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยมหิดล; 2563 [เข้าถึงเมื่อ 25 มีนาคม 2567].เข้าถึงได้จาก: https://archive.cm.mahidol.ac.th/handle/123456789/365910.
ฉวีวรรณ ศรีดาวเรือง, จิราพร วรวงศ์, อัจฉราวดี ศรียะศักดิ์, จุฬารัตน์ ห้าวหาญ, พรพรรณ มนสัจจกุล ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการออกกําลังกายของผู้ใหญ่วัยกลางคนที่มีภาวะน้ำหนักเกินในชนบท. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9. 2563;14(35):464-482.
นัชชา ยันติ, กริช เรืองไชย. (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อภาวะน้ำหนักเกินในนักศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จังหวัดปทุมธานี. วารสารวิจัยและพัฒนา วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 2564; 16(2):71-86
จงจิต เสน่หา, พรรณิภา บุญเทียร, วันดี โตสุขศรี. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการจัดการภาวะอ้วนด้วยตนเองในผู้ป่วยน้ำหนักเกินที่มารับการรักษาที่ตึกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร. NURS SCI J THAIL. 2564;39(1):77-91.
พลอยปารียา อายะนันท์, ตุนท์ชมชื่น, ฐิติอาภา ตั้งค้าวานิช. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเกิดโรคอ้วนของนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษา ตอนปลายในเขตอําเภอเมือง จังหวัดเชียงราย. วารสารวิจัยและพัฒนาด้านสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา. 2564;7(1):75-89.
อภิชัย คุณีพงษ์. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันภาวะน้ำหนักเกินของนักศึกษาปริญญาตรี. วารสารความปลอดภัยและสุขภาพ. 2560;10(37):58-66.
จุติมาพร เศษสุวรรณ, ณัฐภรณ์ เววา, นุพงษ์ สมศรี, ปิยฉัตร ดีสุวรรณ. (2563).ความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานเป็นกะและภาวะน้ำหนักเกินของบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลแพร่. วารสารโรงพยาบาลแพร่. 2563;28(2):106-123.
กูลยา โต๊ะรายอ ,รวิสรา จันทะรัตน์ ,ณัฐวดี ศรีเอี่ยม,ประเสริฐ ประสมรักษ์,พรพรรณ ประพัฒน์พงษ์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรม การป้องกันตนเองจากภาวะอ้วนลงพุงในกลุ่มวัยทำงาน (อายุ 15-59 ปี) ตำบลน้ำปลีก อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน. 2564;4(1):130-140.
คณะทำงานจัดทำรายงานสุขภาพคนไทยตัวชี้วัดสุขภาพ.รายงานสุขภาพคนไทยกิจกรรมทางกาย เท่าไหร่ถึงจะพอ (ตอนที่ 2). [อินเทอร์เน็ต].กรุงเทพฯ:สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล;2565 [เข้าถึงเมื่อ 18 มีนาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก:https://www.thaihealthreport.com/th/articles_detail.php?id=134
ชลวิภา สุลักขณานุรักษ์, อูน ตะสิงห์.ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการลดน้ำหนักของผู้ที่มีภาวะอ้วน. วารสารวิชาการสาธารณสุข.2565;30(4):618-620
จินดารัตน์ สมใจนึก, จอม สุวรรณโณ.ความสัมพันธ์ระหว่างอายุกับภาวะนํ้าหนักเกิน/อ้วนในกลุ่มวัยช่วงเปลี่ยนผ่านจากวัยรุ่นตอนปลายสู่วัยผู้ใหญ่ตอนต้น : การเปรียบเทียบความชุกในห้ากลุ่มอายุและสามกลุ่มอายุ. วารสารพยาบาลโรคหัวใจและทรวงอก. 2563; 31(1):142-159.
กาญจนา ปัญญาธร, จุฬารัตน์ ดวงตาผา, ขนิษฐา แก้วกัลยา, รุ่งวิสา สว่างเนตร, พวงผกา อินทร์เอี่ยม. ผลลัพธ์ของการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพของบุคลากรที่มีภาวะอ้วนลงพุง โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลาปาคม จังหวัดอุดรธานี. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ 2560;40(1):81-82.
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2024 Hua-Hin Hospital
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารหัวหินเวชสาร เป็นลิขสิทธิ์ของโรงพยาบาลหัวหิน
บทความที่ลงพิมพ์ใน วารสารหัวหินเวชสาร ถือว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคณะบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง