ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติเกี่ยวกับการติดเชื้อโควิด-19 และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในกลุ่มประชากรในเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
ความเป็นมา:การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ไปทั่วโลกได้สร้างความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนต่อระบบสาธารณสุขทั่วโลก จึงเป็นความท้าทายในพื้นที่ชายแดนที่มีการอพยพเคลื่อนย้ายข้ามแดนไปมาระหว่างพื้นที่สองฝั่งประเทศที่ไม่เข้มงวด การศึกษาวิจัยนี้ได้สำรวจความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติ (KAP) ที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อโควิด-19 ในประชากรที่อยู่อาศัยในเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉานตะวันออก ประเทศเมียนมา ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากงานวิจัยนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากจะเป็นแนวทางในการดำเนินการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันโรคอย่างเหมาะสมในบริบทพื้นที่ชายแดน
วัตถุประสงค์:เพื่อศึกษาความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติ (KAP) ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ในประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และเพื่อค้นหาและวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มประชากรที่ศึกษา
วิธีการศึกษา:เป็นการศึกษาวิจัยเชิงพรรณนา โดยกลุ่มตัวอย่างคือประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย จำนวน 364 คน รวบรวมข้อมูลระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2565 โดยใช้แบบสอบถามที่มีโครงสร้าง สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว การวิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์เชิงเดี่ยวและพหุคูณ ถูกนำมาใช้เพื่อสำรวจปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อโควิด-19
ผลการศึกษา:บุคคลที่ติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์พม่า มีการศึกษาระดับอุดมศึกษา สมรสแล้ว และได้รับวัคซีนโควิด-19 ไม่เกินหนึ่งเข็ม การวิเคราะห์ถดถอยลอจิสติกพหุคูณที่ปรับตามปัจจัยต่าง ๆ เน้นให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญกับการติดเชื้อโควิด-19 โดยเพศชาย บุคคลอายุระหว่าง 18-50 ปี ผู้ที่มีระดับการศึกษาต่ำกว่า และผู้ที่แต่งงานแล้วมีโอกาสติดเชื้อสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ สถานะการฉีดวัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญ โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนน้อยกว่ามีโอกาสติดเชื้อสูงกว่า
สรุปและข้อเสนอแนะ:ผลการศึกษานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแทรกแซงสาธารณสุขที่มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขความแตกต่างในระดับ KAP และลดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ชายแดน กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึงลักษณะทางประชากรและสถานะการฉีดวัคซีน เพื่อปรับมาตรการป้องกันและเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในการรับมือกับการระบาดใหญ่
Article Details
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
References
Coronavirus disease (COVID-19) [Internet]. [cited 2024 May 1]. Available from: https://www.who.int/news-room/questions-and-answers/item/coronavirus-disease-covid-19
WHO COVID-19 dashboard [Internet]. Jeneva: WHO; 2024. Number of COVID-19 cases reported to WHO; 2024 [cited 2024 May 1]. Available from: https://data.who.int/dashboards/covid19/case
Thant PW, Htet KT, Win WY, Htwe YM, Htoo TS. Cost estimates of COVID-19 clinical management in Myanmar. BMC Health Serv Res. 2021;21(1):1365
Filip R, Gheorghita Puscaselu R, Anchidin-Norocel L, Dimian M, Savage WK. Global challenges to public health care systems during the COVID-19 pandemic: a review of pandemic measures and roblems. J Pers Med. 2022;12(8):1295.
Phyu WW, Saito R, Wagatsuma K, Abe T, Tin HH, Pe EH, et al. Epidemiology and genetic analysis of SARS-CoV-2 in Myanmar during the community outbreaks in 2020. Viruses. 2022;14(2):259.
Ahmed MNQ, Lalin SAA, Ahmad S. Factors affecting knowledge, attitude, and practice of COVID-19: a study among undergraduate university students in Bangladesh. Hum Vaccin Immunother. 2023 ;19(1):2172923.
Lee M, Kang BA, You M. Knowledge, attitudes, and practices (KAP) toward COVID-19: a cross-sectional study in South Korea. BMC Public Health. 2021;21(1):295.
Srichan P, Apidechkul T, Tamornpark R, Yeemard F, Khunthason S, Kitchanapaiboon S, et al. Knowledge, attitudes and preparedness to respond to COVID-19 among the border population of northern Thailand in the early period of the pandemic: a cross-sectional study. WHO South East Asia J Public Health. 2020;9(2):118-25.
Yang J, Liao Y, Hua Q, Sun C, Lv H. Knowledge, attitudes, and practices toward COVID-19: A cross-sectional study during normal management of the epidemic in China. Front Public Health. 2022;10:913478.
Tai DBG, Sia IG, Doubeni CA, Wieland ML. Disproportionate Iipact of COVID-19 on racial and ethnic minority groups in the United States: a 2021 update. J Racial Ethn Health Disparities. 2022 ;9(6):2334-9
Martin CA, Jenkins DR, Minhas JS, Gray LJ, Tang J, Williams C, et al. Socio-demographic heterogeneity in the prevalence of COVID-19 during lockdown is associated with ethnicity and household size: results from an observational cohort study. EClinicalMedicine. 2020;25:100466.
Angelici L, Sorge C, Di Martino M, Cappai G, Stafoggia M, Agabiti N, et al. Incidence of SARS-CoV-2 infection and related mortality by education level during three phases of the 2020 pandemic: a population-bsed cohort study in Rome. J Clin Med. 2022;11(3):877.
Klasen K, Zagel A, Nelson M, Betzold E, Benfield B. Sociodemographic factors associated with treatment for COVID-19 and their relationship with short-term acute care utilization. Infusion Journal. 2023;2(2):1-13.
Manchia M, Gathier AW, Yapici-Eser H, Schmidt MV, de Quervain D, van Amelsvoort T, et al. The impact of the prolonged COVID-19 pandemic on stress resilience and mental health: a critical review across waves. Eur Neuropsychopharmacol. 2022;55:22-83.
Han X, Shi W, Yang Y. The efficacy and safety of hydroxychloroquine for COVID-19 prophylaxis and clinical assessment: an updated meta-analysis of randomized trials. J Thorac Dis. 2024 ;16(5):2983-93.