ความชุกของอาการปวดระดูและการดูแลตนเองเมื่อมีอาการปวดระดู ของนักศึกษาพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา ศึกษาแบบย้อนหลัง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความชุกของอาการปวดระดู และศึกษาถึงวิธีการดูแลตนเองเมื่อมีอาการปวดระดู กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2552 จำนวนทั้งสิ้น 423 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามเกี่ยวกับความชุกของอาการปวดระดูและวิธีการดูแลตนเองเมื่อมีอาการปวดระดู วิเคราะห์ข้อมูล โดยหาค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย และร้อยละ โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาพยาบาลส่วนใหญ่ มีอายุ 21 ปี คิดเป็นร้อยละ 22.50 สวนใหญ่เริ่มมีระดูตอนอายุ 12 ปี คิดเป็นร้อยละ 29.80 ส่วนใหญ่มีระดูมาแล้ว 8 ปี คิดเป็นร้อยละ 29.55 ส่วนใหญ่มีระดูมาสม่ำเสมอ คิดเป็นร้อยละ 36.17 ส่วนใหญ่มีช่วงเวลาที่มีระดูในแต่ละเดือนเป็นเวลา 3.5 วัน มีอาการปวดระดู คิดเป็นร้อยละ 50.11 ส่วนใหญ่อายุที่มีอาการปวดระดูเป็นครั้งแรกอายุ 12 ปี คิดเป็นร้อยละ 59.43 มีความถี่ของการปวดระดู โดยปวดเกือบทุกครั้ง คิดเป็น 42.92 ส่วนใหญ่มีอาการปวดระดูในระดับมากคิดเป็นร้อยละ 35.85 ส่วนใหญ่มีอาการปวดระดูในช่วงหลังจากมีระดูมาแล้ว คิดเป็นร้อยละ 55.66 ส่วนใหญ่มีอาการปวดระดูเป็นเวลา 3วัน คิดเป็นร้อยละ 42.45 มีอาการปวดระดูมากที่สุดในช่วง 1-2 วัน คิดเป็นร้อยละ 79.72 ตำแหน่งที่ปวดระดูมากที่สุด คือ ท้องน้อย จำนวน 212คน และมีอาการร่วมระหว่างที่มีระดู ส่วนใหญ่มีอาการปวดเมื่อยตามตัว จำนวน42คน รองลงมาคือ ตึงเจ็บหน้าอก คันหน้าอก จำนวน 19 คน ในด้านข้อมูลที่เกี่ยวกับการดูแลตนเองเมื่อมีอาการปวดระดู พบว่า ส่วนใหญ่ใช้วิธีการรับประทานยา จำนวน 108 คน รองลงมาคือ การนอนพัก จำนวน 89 คน ใช้วิธีการประคบร้อนบริเวณท้อง จำนวน 44 คน และใช้วิธีการดื่มน้ำอุ่น จำนวน 13 คน
Downloads
Downloads
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล (วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ) ไม่สามารถนำไปตีพิมพ์ซ้ำในวารสารฉบับอื่น