การวิเคราะห์เครือข่ายเชิงซ้อนของการจับคู่จุดฝังเข็มในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำและวัตถุประสงค์: โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยแพทย์แผนจีนจัดอยู่ในกลุ่ม “ปี้เจิ้ง” มีสาเหตุหลักจากลม ความเย็น ความชื้น และภาวะพร่องของอวัยวะภายใน ส่งผลให้ลมปราณและเลือดไหลเวียนติดขัด การฝังเข็ม เป็นการรักษาสำคัญที่ช่วยบรรเทาอาการปวด ฟื้นฟูการทำงานของข้อเข่า วัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการจับคู่จุดฝังเข็มในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยอาศัยการวิเคราะห์เครือข่ายเชิงซ้อน (Complex Network Analysis, CNA) เป็นเครื่องมือหลัก
วิธีการศึกษา: เป็นการวิจัยเชิงเอกสารร่วมกับการวิเคราะห์เชิงปริมาณ โดยสืบค้นรายงานวิจัยทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับการฝังเข็มรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 ถึง ค.ศ. 2023 จากแหล่งข้อมูล CNKI, Wanfang data และ Weipu data คัดเลือกรายงานวิจัย เก็บข้อมูลในแบบเก็บข้อมูลที่สร้างขี้นใน Microsoft 365 ประกอบด้วย ชื่อเรื่อง ปีที่ตีพิมพ์ กลุ่มการทดลอง กลุ่มควบคุม เพศ อายุ วิธีการรักษาร่วม และชื่อจุดฝังเข็ม ทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Gephi ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างภาพและวิเคราะห์เครือข่ายเชิงซ้อน โดยระบุองค์ประกอบเครือข่าย (node, edges, weights) นำผลการวิเคราะห์ทั้งหมดมาอภิปรายโดยเชื่อมโยง เครือข่ายที่สำคัญ ได้แก่ degree centrality, betweenness centrality และ top co–occurrence pairs
ผลการศึกษา: จากการหาข้อมูลด้วยการใช้คำค้นหาโรคข้อเข่าเสื่อม, ฝังเข็ม, จุดฝังเข็ม, การวิเคราะห์เครือข่ายเชิงซ้อน จากฐานข้อมูลทั้ง 3 แหล่ง พบงานวิจัย 298 เรื่อง ซึ่งเมื่อคัดกรองตามเกณฑ์การคัดเข้าและคัดออกแล้ว มีงานวิจัยที่เข้าตามเกณฑ์ 119 เรื่อง ผลการวิเคราะห์โครงสร้างเครือข่ายพบ โหนด (nodes) 30 จุด เส้นเชื่อม (edges) 237 คู่ และค่าน้ำหนัก (weights) 2769 ครั้ง จุดฝังเข็มหลัก (core acupoints) จาก degree centrality ที่มีค่าสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จุด Dubi, Zusanli, Yanglingquan, Neixiyan และXuehai ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในการจับคู่ จุดเหล่านี้ถือเป็นแกนกลางที่กำหนดโครงสร้างของเครือข่ายการรักษา จุดเชื่อมโยงเชิงกลยุทธ์จุดที่มีค่า Betweenness Centrality (BC) สูงสุดคือ จุด Zusanli และ Yanglingquan ซึ่งทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงการรักษาเฉพาะที่เข้ากับการปรับสมดุลระบบ จุด Sanyinjiao, Xuanzhong และ Taixi ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ไกลจากข้อเข่า และมีความสำคัญในมุมมองของเส้นลมปราณ ได้แสดงค่า BC ที่สูงเช่นกัน แสดงว่าจุดเหล่านี้เป็นตัวกลางสำคัญในการเชื่อมโยงการรักษาเฉพาะที่เข้ากับการปรับสมดุลของร่างกายในระบบเส้นลมปราณ ความถี่สูงสุดของการจับคู่ (top co–occurrence pairs) คู่จุดที่มีความถี่สูงสุดคือ จุด Neixiyan–Dubi ซึ่งเน้นการรักษาเฉพาะที่ตามด้วยคู่จุดที่ผสมผสานระหว่างจุดเฉพาะที่กับจุดไกลอาการ การจับคู่จุดเฉพาะที่บริเวณข้อเข่าเพื่อลดปวดและเสริมการไหลเวียนเฉพาะที่
อภิปรายผล: ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่ากลยุทธ์การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมที่มีประสิทธิผลในทางคลินิกคือการบูรณาการหลักการเลือกจุดเฉพาะที่ (local focus) เช่น Neixiyan และ Dubi ซึ่งทั้งสองจุดตั้งอยู่บนข้อเข่าโดยตรง การจับคู่กันนี้เน้นหลักการ local acupoint selection เป็นการเลือกจุดฝังเข็มเฉพาะบริเวณที่มีอาการ กระตุ้นการไหลเวียนของลมปราณและเลือดในบริเวณข้อเข่าอย่างเร่งด่วนเพื่อลดอาการปวดตึงบริเวณข้อเข่า การผสมผสานจุดไกลอาการ (systemic integration) คู่จุดส่วนใหญ่เป็นการรวมกันของจุดเฉพาะที่ (local) กับ จุดไกลอาการ (distal) เช่น Zusanli เป็นจุดบำรุงลมปราณและบำรุงร่างกาย Yanglingquan เป็นจุดควบคุมเส้นเอ็นและเลือด เป็นการรักษาที่มุ่งเป้าไปที่การผ่อนคลายเส้นเอ็นและการจัดการกับภาวะเลือดคั่ง หรือ Xuehai เป็นจุดกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งเป็นอาการหลักของโรคข้อเข่าเสื่อม เป็นต้น การตอกย้ำกลยุทธ์หลัก (core strategy confirmation) การปรากฏของคู่จุดที่เชื่อมโยงถึงการปรับสมดุลทั้งระบบโดยตรง เช่น Zusanli–Yanglingquan และ Zusanli–Xuehai ยืนยันว่าแม้จะมีอาการเฉพาะที่ที่ข้อเข่า แต่การรักษาในทางคลินิกก็ยังคงให้ความสำคัญกับการแก้ไขภาวะพร่องของม้าม/กระเพาะอาหาร และการควบคุม ตับ ไต ซึ่งเป็นแก่นแท้ที่ก่อให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมในทางทฤษฎีแพทย์แผนจีน
ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ: การศึกษานี้เปิดเผยโครงสร้างเชิงระบบและกฎเกณฑ์การเลือกจุดฝังเข็มในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการแพทย์แผนจีน ผลการวิจัยสามารถใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงประจักษ์สำหรับการพัฒนามาตรฐานและแนวทางการรักษาด้วยการฝังเข็มที่มีความแม่นยำและเป็นระบบมากขึ้นในอนาคต ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมด้วยข้อมูลที่มากขึ้นและเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางคลินิกโดยตรง
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Kawinwonggowit V. Osteoarthritis. @Rama [Internet]. 2015 Jul–Sep [cited 2024 Dec 18];(21):[26 screens]. Available from: https://www.rama.mahidol.ac.th/atrama/issue021
Fang M, Wang J. Osteoarthritis. In: Teaching materials office of the state administration of traditional Chinese medicine, editor. Tuina. 5th ed. Beijing: China Traditional Chinese Medicine Press; 2021. p. 218. (in Chinese).
Liu Y, et al. Complex networks and systems biology in acupuncture research. J Altern Complement Med. 2015;21(12):731–41.
Zhou P, et al. Network analysis of traditional Chinese medicine syndrome based on acupoint selection patterns. Evid Based Complement Alternat Med. 2018;2018:2451034.
Li Z, et al. The complex network analysis of prescription rules for acupoints in treatment of insomnia: a data mining study. BMC Complement Altern Med. 2018;18(1):10.
Liang F, Wang H, editors. Acupuncture and Moxibustion. 5th ed. Beijing: China Traditional Chinese Medicine Press; 2021. (in Chinese).
Yan H. 30 cases of knee osteoarthritis treated with warm needle moxibustion. The founding meeting of the moxibustion branch of the Chinese Society of Ethnic Medicine and the 2015 Moxibustion Academic Exchange Conference; 2015 Jul 4–6; Shanxi, China. Wanfang Data; p. 44–6. (in Chinese).
Zhu C. Clinical study on acupuncture treatment of acupotomy combined with knee osteoarthritis. Front Med. 2015;5(33):44–5. (in Chinese).
Yang Y, Hua G, Liu S. 164 cases of knee osteoarthritis treated with Chinese medicine and acupuncture. Jilin J Tradit Chin Med. 2007;27(2):41. (in Chinese).
Zhao Q, Feng W. Clinical observation on the treatment of knee osteoarthritis mainly by acupuncture and massage. Tianjin J Tradit Chin Med. 2012;29(2):196. (in Chinese).