ภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านไทยด้วยการเหยียบกะลามะพร้าว: กรณีศึกษานางชีวาพร ดีบุรี จังหวัดเลย

Main Article Content

Nanthagan Khawda
รัตติยา บุญเกียรติบุตร
จิตภินันท์ แสนหลวงอินทร์

บทคัดย่อ

บทนำและวัตถุประสงค์ จากการที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Complete aged society) ตั้งแต่ปี 2565 ทำให้ปัญหาการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุและการเสียชีวิตจากการล้มเพิ่มขึ้น การเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรยางค์ส่วนล่างและการทรงตัวเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุได้ "การเหยียบกะลามะพร้าวบำบัด" เป็นหนึ่งในภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยที่ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มความสามารถในการทรงตัว นางชีวาพร ดีบุรี หมอพื้นบ้านจังหวัดเลย มีความเชี่ยวชาญและมีท่าบริหารด้วยการเหยียบกะลามะพร้าวที่เป็นเอกลักษณ์ คณะผู้วิจัยจึงสนใจศึกษา ภูมิปัญญาดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) รวบรวมองค์ความรู้การเหยียบกะลามะพร้าวของหมอพื้นบ้าน 2) ศึกษาความคิดเห็นของกลุ่มสหวิชาชีพต่อรูปแบบของท่าบริหารดังกล่าวว่าสอดคล้องกับหลักกายภาพบำบัดหรือไม่ และข้อเสนอแนะเพื่อเพิ่มประสิทธิผลและความปลอดภัย และ 3) ประเมินผลลัพธ์เบื้องต้นของการรับบริการเหยียบกะลามะพร้าวจากผู้เคยรับบริการจากหมอพื้นบ้านท่านนี้


วิธีการศึกษา คณะผู้วิจัยทำการเก็บข้อมูลหมอพื้นบ้านด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก และทำการอภิปรายกลุ่มในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเหยียบกะลามะพร้าวกับกลุ่มสหวิชาชีพประกอบด้วย แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด พยาบาลวิชาชีพ แพทย์แผนไทย และแพทย์แผนจีน รวมทั้งหมดจำนวน 30 คน และเก็บข้อมูลภาคสนามจากผู้ที่เคยรับบริการ จำนวน 3 ราย โดยมีระยะเวลาในการศึกษาตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2566-กรกฎาคม 2566


ผลการศึกษา ผลการสัมภาษณ์หมอพื้นบ้าน พบว่า มีท่าการบริหารร่างกายด้วยการเหยียบกะลามะพร้าวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนเอง ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษยาวนานกว่า 105 ปี โดยการยืนเหยียบบนกะลามะพร้าวจำนวน 5 ท่า ท่าที่ 1 ยืนโดยให้ปลายเท้าแนบกับกะลา ส้นเท้าอยู่ติดพื้น เอนตัวไปด้านหน้าและด้านหลัง อย่างน้อย 10 ครั้ง ท่าที่ 2 ยืนเหยียบกะลาและยืนเขย่งด้วยปลายเท้า เขย่งขึ้นและลง บนกะลา 10 ครั้ง ท่าที่ 3 ยืนโดยใช้ส่วนกลางของเท้า เอนตัวไปด้านหน้า-ด้านหลัง และให้กดแช่ไว้เท่าที่จะทนได้ 3 นาที ท่าที่ 4 ยืนโดยใช้ส่วนกลางของเท้าค่อนไปทางส้นเท้า เอนตัวไปด้านหน้า-ด้านหลัง และให้กดแช่ไว้เท่าที่จะทนได้ ท่าที่ 5 ยืนโดยใช้ส้นเท้า หมุนส้นเท้าไปด้านซ้าย และด้านขวา สลับกัน 10 ครั้ง ผลจากการอภิปรายกลุ่มกับสหวิชาชีพ พบว่ารูปแบบวิธีการเหยียบกะลามะพร้าวของหมอพื้นบ้านมีความสอดคล้องกับหลักการกายภาพบำบัด (การยืด การคลาย การกด การคลึง) สามารถเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อได้ และมีข้อแนะนำในการปฏิบัติท่ากายบริหารให้มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยให้มีแผ่นรองกันลื่นพร้อมราวจับช่วยพยุง และควรทำการบริหาร 5 วันต่อสัปดาห์ ติดต่อกันไม่เกิน 8 สัปดาห์ รวมทั้งตรวจสอบลักษณะของกะลามะพร้าวให้มีความโค้งที่เหมาะสม และไม่มีรอยแตกร้าว ส่วนการสัมภาษณ์ผู้ที่เคยรับบริการจากหมอพื้นบ้าน พบว่าการเหยียบกะลาช่วยบรรเทาอาการปวดบริเวณฝ่าเท้าและอาการปวดขา ที่สำคัญคือทำให้อาการชาปลายเท้าดีขึ้น


อภิปรายผล ภูมิปัญญาการเหยียบกะลามะพร้าวดังกล่าว เป็นองค์ความรู้ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ มีรูปแบบวิธีการสอดคล้องกับหลักการแพทย์แผนไทยและกายภาพบำบัดเพื่อดูแลระบบกล้ามเนื้อ ท่ากายบริหารสามารถบรรเทาอาการปวดฝ่าเท้า คลายกล้ามเนื้อส่วนล่าง ช่วยการทรงตัวและลดการพลัดตกหกล้ม แสดงให้เห็นว่าภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านนี้เป็นทางเลือกที่มีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพของผู้ที่มีปัญหาปวดตึงกล้ามเนื้อขา น่อง และเท้า เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ใช้วัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น และสามารถนำไปปฏิบัติดูแลตนเองได้


ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ: กระบวนการและท่าทางการเหยียบกะลามะพร้าวของหมอพื้นบ้านดังกล่าว สามารถใช้เป็นแนวทางที่มีประสิทธิผลในการพัฒนารูปแบบการบำบัดรักษาอาการเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อ และป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ คลายอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เพิ่มความสามารถในการทรงตัวและความเร็วในการเดินซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อการหกล้ม ประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นการนำภูมิปัญญาพื้นบ้านมาใช้ในการดูแลตนเอง ขั้นตอนต่อไปควรมีการศึกษาผลต่อสรีรวิทยาด้านการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ ระบบประสาทรับรู้ตำแหน่ง (proprioception) ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการรวบรวมข้อมูลเพื่อจัดทำฐานข้อมูลภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านสำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับแพทย์แผนไทยและผู้สนใจ และพัฒนาท่าการเหยียบกะลาให้มีความสอดคล้องกับระบบกล้ามเนื้อทางกายวิภาคศาสตร์ รวมถึงเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อพัฒนาสู่งานวิจัยด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

Article Details

ประเภทบทความ
Original Articles

เอกสารอ้างอิง

Kittiporn Nawsuwan, Uthoomporn Dulyakasem,Thamolwan Kaewkrachok and Noppcha Singweratham, Holistic health care with Thai wisdom. Journal of Police Nursing. 6(1), 250. (2014). (in Thai).

Nipa Srichang, Lavitra Khawee. a summary of the fall prediction for older adults (aged 60 and above) in Thailand 2560-2564. Nonthaburi: Department of Disease Control,Ministry of Public Health; 2021. (in Thai).

Loei Provincial Public Health Office [Internet]. Health Data Center (HDC). [cited 2023 Dec 30]. Available from: https://lei.hdc.moph.go.th/hdc/main/index.php

Pojjana Piyapakornchai, Visut Nochitt, and Doungjai Kerkchaiwan. Synthesis and Application of Local Wisdom in Using Coconut Shells Massage with the Elderly. Journal of Gerontology and Geriatric Medicine. 7(4), 12-22. (2006). (in Thai).

Patchareeya Amput, Sirima Wongphon. Effect of Coconut-Shell-Stepping Exercise on Balance Ability of Elders. Journal of Srinagarind Medical. 31(6), 372-376. (2016). (in Thai).

Thai Traditional Medicine and Herbal Wisdom System [Internet]. Department of Thai Traditional and Alternative Medicine, Ministry of Public Health. [cited 2023 Dec 31]. Available from: https://ttm.dtam.moph.go.th/

Wirote Mumanajit, Booncherd Nuim. Restoration and Inheritance Thai Traditional Medical Knowledge and Indigenous Medicine in Chon Buri Province. Journal of Humanities and Social Sciences Burapha University. 24(46), 147-170. (2016). (in Thai).