การพัฒนาน้ำมันอากากลูวะเพื่อลดอาการปวดกล้ามเนื้อบ่าในผู้ป่วยโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ 4 ด้วยวิธีการนวดตนเอง

บทคัดย่อ

บทนำและวัตถุประสงค์: อาการปวดกล้ามเนื้อบ่าในผู้ป่วยโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ 4 เป็นปัญหาสุขภาพที่พบมากในผู้หญิงวัยทำงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล บางรายอาจจำเป็นต้องหยุดพักงาน การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิผลของน้ำมันอากากลูวะในการลดอาการปวดกล้ามเนื้อบ่าด้วยวิธีการนวดตนเองในคลินิกแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี

วิธีการศึกษา: ศึกษาและพัฒนา 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ศึกษาสภาพการณ์ ปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ 4 จำนวน 30 คน 2) เตรียมน้ำมันอากากลูวะเพื่อลดอาการปวด 3) ศึกษาประสิทธิผลของน้ำมันอากากลูวะด้วยการนวดตนเองในกลุ่มผู้ป่วย 28 คน ใช้แบบแผนการวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดก่อน-หลังทดลอง ประเมินโดยเปรียบเทียบระดับอาการปวดกล้ามเนื้อบ่าและองศาการเคลื่อนไหวของกล้ามคอก่อนและหลัง ประเมินความพึงพอใจและอาการไม่พึงประสงค์หลังการใช้น้ำมัน ได้ค่าความสอดคล้องเท่ากับ 1.00 ได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าครอนบาคเท่ากับ 0.89 วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ใช้สถิติ dependent t-test และ Wilcoxon Signal Ranks test

ผลการศึกษา: พบว่า 1) สภาพการณ์ปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ 4 ส่วนใหญ่มีอาการปวดกล้ามเนื้อต้นคอ บ่า สะบัก หัวไหล่ และหลัง เนื่องจากการทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เกิน 6 ชั่วโมงต่อวัน รวมถึงอาการชาที่ปลายนิ้วมือ ผู้ป่วยต้องการน้ำมันนวดสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการปวด โดยมีคุณสมบัติทำให้รู้สึกผ่อนคลาย มีกลิ่นหอม และพกพาใช้งานสะดวก 2) การเตรียมน้ำมันอากากลูวะซึ่งได้จากการสกัดแก่นม้ากระทืบโรงด้วยวิธีการทอดและผสมสารละลายเมนทอล การบูรในปริมาณที่กำหนด น้ำมันที่ได้มีคุณสมบัติที่สำคัญคือ มีสีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมจากสมุนไพร ความหนืดอยู่ในช่วง 20-100 mPa·s และซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ภายใน 5-15 นาที 3) ค่าเฉลี่ยระดับอาการปวดบ่าหลังการใช้น้ำมันอากากลูวะเท่ากับ (M = 1.50, S.D. = 1.69) ดีกว่าค่าเฉลี่ยระดับอาการปวดก่อนการใช้น้ำมันอากากลูวะเท่ากับ (M = 6.04, S.D. = 1.89) และองศาการเคลื่อนไหวของกล้ามคอ 6 ท่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.01) 4) ระดับความพึงพอใจต่อการใช้น้ำมันอากากลูวะอยู่ในระดับดีมาก (M = 4.50, S.D. = 0.38) และไม่พบอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้น้ำมัน ร้อยละ 100  

อภิปรายผล: การบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อด้วยการนวดตนเองร่วมกับการใช้น้ำมันสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย น้ำมันอากากลูวะซึ่งทำมาจากรากม้ากระทืบโรงมีฤทธิ์ลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด โดยผลการศึกษาพบว่าอาการปวดเฉลี่ยก่อนใช้อยู่ที่ 6.04 ลดลงเหลือ 1.50 หลังการใช้ (p < 0.001) นอกจากนี้ น้ำมันยังช่วยเพิ่มองศาการเคลื่อนไหวของคออย่างมีนัยสำคัญความพึงพอใจของผู้ใช้ต่อผลิตภัณฑ์อยู่ในระดับสูง (M = 4.50) โดยเฉพาะในด้านระยะเวลาการออกฤทธิ์ (M = 4.93) และการช่วยผ่อนคลายความเครียด (M = 4.87)

ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ: น้ำมันอากากลูวะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อบ่าจากโรคลมปลายปัตคาตสัญญาณ 4 ซึ่งอาจเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกในการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้ อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาเพิ่มถึงคุณสมบัติทางเคมีด้วยเทคนิคต่าง ๆ และเพิ่มตัวแปรติดตามอื่น ๆ เช่น ค่าความตึงตัวของกล้ามเนื้อและคุณภาพชีวิต เพื่อให้การศึกษามีความครอบคลุมมากขึ้น