ประสิทธิผลของตำรับยาสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคนอนไม่หลับโรงพยาบาลพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทนำและวัตถุประสงค์ การศึกษานี้เป็นการศึกษาข้อมูลย้อนหลัง ระหว่างปี 2562-2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของตำรับยาสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคนอนไม่หลับโรงพยาบาลพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
วิธีการศึกษา คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 50 ราย ใช้ตำรับยาสมุนไพรในการรักษาโรคนอนไม่หลับ ประกอบด้วย ตำรับยาศุขไสยาศน์ น้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) และยาหอมเทพจิตร ศึกษาจากข้อมูล 5 ส่วน ประกอบด้วย ข้อมูลปัจจัยส่วนบุคคล ประวัติการใช้ตำรับยาสมุนไพรในการรักษาโรคนอนไม่หลับ แบบบันทึกคุณภาพการนอนหลับ (The Pittsburgh Sleep Quality Index: PSQI) แบบบันทึกระดับความเครียด และแบบบันทึกคัดกรองความเสี่ยงโรคซึมเศร้า ติดตามผลการรักษา 1 เดือน
ผลการศึกษา ส่วนที่ 1 ปัจจัยส่วนบุคคล พบว่า ผู้ป่วยเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (ร้อยละ 78) อายุเฉลี่ย 60 ปีขึ้นไป (ร้อยละ 64) ดัชนีมวลกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ร้อยละ 38) มีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด (ร้อยละ 32 เท่ากัน) ออกกำลังกายเดินเร็วมากที่สุด (ร้อยละ 64) ส่วนที่ 2 ประวัติการใช้ตำรับยาสมุนไพรในการรักษาโรคนอนไม่หลับ พบว่า ตำรับยาศุขไสยาศน์ น้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) และยาหอมเทพจิตร ช่วยให้นอนหลับได้ ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p > 0.05) ส่วนที่ 3 หลังการรับประทานตำรับยาสมุนไพรมีคะแนนเฉลี่ยคุณภาพการนอนหลับ (PSQI) ดีขึ้นเป็น 5.20 คะแนน จากเดิมคะแนนเฉลี่ยคุณภาพการนอนหลับอยู่ในระดับ 10.06 คะแนน พบว่าการรับประทานตำรับยาสมุนไพรส่งผลทำให้คุณภาพการนอนหลับมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001) ส่วนที่ 4 หลังการรับประทานตำรับยาสมุนไพรมีคะแนนเฉลี่ยระดับความเครียดลดลงสอดคล้องกับการมีคุณภาพการนอนหลับที่เพิ่มขึ้นมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.001) ส่วนที่ 5 ภายหลังการรับประทานตำรับยาสมุนไพรมีคะแนนเฉลี่ยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคซึมเศร้าลดลงเล็กน้อยมาก จากการศึกษาพบว่าตำรับยาสมุนไพรไม่มีส่วนช่วยในการลดอาการซึมเศร้าได้ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p > 0.05)
อภิปรายผล ตำรับยาสมุนไพร คือ ยาน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) ยาศุขไสยาศน์ และยาหอมเทพจิตร มีประสิทธิผลในการช่วยให้นอนหลับได้ สอดคล้องกับงานวิจัยอื่น ๆ ที่ผ่านมา
ข้อสรุปและข้อเสนอแนะ ตำรับยาสมุนไพรไทยมีประสิทธิผลช่วยให้นอนหลับได้ แต่ควรมีการศึกษาวิจัยแบบไปข้างหน้าแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (randomized controlled trial) เพื่อยืนยันประสิทธิผลของตำรับยาสมุนไพรเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับใช้ในการรักษาโรคนอนไม่หลับต่อไป
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Department of Mental Health, Ministry of Public Health. World sleep day: Insights into insomnia problems. [internet]. 2021 [cited 2021 Dec 12]; Available from: https://www.dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=30646. (in Thai)
Tengtermwong N. Effectiveness and safety of Suk Sai-Yad herbal remedy for chronic insomnia: A preliminary retrospective study in Chao PhyaAbhaibhubejhr Hospital. J Thai Trad Alt Med. 2022;19(2):331-43. (in Thai)
Jennifer HW, Kathleen JM, Tim R, Kevin M, Nigel M, Melissa JR, David RH, Peter RE. Treating insomnia symptoms with medicinal cannabis: a randomized, crossover trial of the efficacy of a cannabinoid medicine compared with placebo. Sleep Research Society. 2021;44(11):1-8.
Kitiyamat S. Effect of YahomThepajit recipes on the quality of sleep in older people with insomnia [Master of Science Thesis]. Chiang Rai: Mae Fah Luang University; 2015. (in Thai)
Strategy and Policy Subdivision, Phunphin Hospital. Population in Phun Phin District. 2022. p. 1-22.
Panyachetthanon K. Hour of relaxation. Bangkok: National Geographic Magazine (Thai version). 2019. (in Thai)
Chaiarj S, Panya P. Insomnia and related factors. The Thai Journal of Nursing Council. 2012;20(2):1-12. (in Thai)
Jirapramukpitak T, Tanchaiswad W. Factors predicting sleep quality among nursing students. Journal of the Psychiatric association of Thailand. 1997;42(3):123-32. (in Thai)
Department of Mental Health, Ministry of Public Health. Guidelines for the use of mental health tools for health personnel in community hospitals (Chronic Disease Clinic). 2nd ed. Bangkok: Printing Cooperative of Thailand; 2015.
Arunpongpaisal S, Anakewit N. The use of cannabis extracts for patients with mental health problems. Journal of the Department of Medical Services. 2019;44(1):7-9. (in Thai)