การศึกษาระดับความพร้อม ความรู้ เจตคติ แรงจูงใจ และปัจจัยที่สัมพันธ์ กับความพร้อมของบุคลากรในการเข้าสู่การประเมินคุณภาพ โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน กรุงเทพมหานคร
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
ในปีงบประมาณ 2564 โรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสาน มีแผนจะเข้าร่วมการประเมินรับรองคุณภาพจากทีมรับรองคุณภาพการแพทย์แผนไทย สถาบันการแพทย์แผนไทย เพื่อพัฒนาตนเองเป็นโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยแห่งแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐาน (Hospital Accreditation: HA) แต่เนื่องจากบุคลากรส่วนใหญ่ในโรงพยาบาลเป็นแพทย์แผนไทย และผู้ช่วยแพทย์แผนไทย ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำงานคุณภาพน้อยจึงทำให้เกิดความไม่มั่นใจในการเข้ารับการประเมินคุณภาพเกิดขึ้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความพร้อม ความรู้ เจตคติ แรงจูงใจ และศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับความพร้อมของบุคลากรโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสานในการเข้าสู่การประเมินพัฒนาคุณภาพ โดยการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างคือบุคลากรโรงพยาบาลการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ผสมผสานทุกคน จำนวน 150 คน ประกอบด้วย แพทย์แผนไทย ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน ผู้ช่วยแพทย์แผนจีน ผู้ช่วยโครงการวิจัย ผู้ช่วยเหลือคนไข้ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ นักจัดการงานทั่วไป เจ้าหน้าที่ธุรการ มาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ โดยข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างใช้สถิติเชิงพรรณนา และหาปัจจัยต่าง ๆ ที่สัมพันธ์กับความพร้อมของบุคลากรโดยใช้สถิติเชิงวิเคราะห์ ผลการศึกษาพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีระดับความพร้อมในการเข้ารับการประเมินคุณภาพในระดับปานกลาง มีระดับความรู้เกี่ยวกับงานคุณภาพในระดับต่ำ มีเจตคติและแรงจูงใจในการทำงานพัฒนาคุณภาพในระดับปานกลาง ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความพร้อมในการปฏิบัติงานการพัฒนาคุณภาพของบุคลากรพบว่า หน้าที่ความรับผิดชอบ การได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพ (HA) การร่วมเป็นคณะกรรมการทีมพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล ความรู้ เจตคติ และแรงจูงใจ มีความสัมพันธ์กับการความพร้อมในการปฏิบัติงานการพัฒนาคุณภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 จากข้อมูลที่วิเคราะห์จึงมีการจัดทำแนวทางในการเพิ่มความพร้อมของบุคลากรให้พร้อมเข้าสู่การประเมินคุณภาพมากขึ้น และสามารถผ่านการประเมินคุณภาพได้ในที่สุดจำนวน 3 โครงการ คือ โครงการอบรมความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงานพัฒนาคุณภาพ โครงการเพิ่มสวัสดิการน้ำดื่ม อาหารสถานที่สันทนาการให้กับบุคลากร และการแต่งตั้งให้บุคลากรในโรงพยาบาลทุกคนเป็นหนึ่งในคณะกรรมการทีมพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Institute of Traditional Medicine. Thai traditional medicine hospital accreditation guidelines. Nonthaburi: Department of Thai Traditional and Alternative Medicine; 2018. (in Thai)
Mungthong S, Rittirod T, Sritrakool R. Guidelines for service quality improvement to achieve hospital accreditation : A case study of BBB Hospital, Khon Kaen Province. Journal of Sakon Nakhon Hospital. 2018;21(3):129-37. (in Thai)
Eiamongard U. Factors related to personnel performance hospital accreditation Kaoyoy hospital in Phetchaburi Province. Phetchaburi: 2014. 75 p. (in Thai)
Bloom D. Mastery learning. UCLA – CSEIP evaluation comment. University of California at Los Angeles; 1968
Likert R. The method of constructing and attitude scale. In: Fishbeic M. (ed). Attitude theory and measurement. 1967. p. 90-95.
Bloom B. Taxonomy of educational objectives handbook. British Diabetic Association; 2003.
Netrabookana S, Thienkingkeaw W. Developmental model of supportive activities of hospital quality development by quality learning network in Krabi Province. Journal of Health Sciences, Thaksin University. 2020;2(3):80-92. (in Thai)
Thammakawinwong N, Wanaratwichit C. Factors influencing the continuous quality improvement of community hospital in regional health 3. Buddhachinaraj Medical Journal. 2016;33(2):178-89. (in Thai)
Poolperm S. The participation of sub-district health promotion hospital board in sub-district health promotion hospital management, Nong Khai Province (thesis). Public Health Services Management, Faculty of Public Health. Pathum Thani: Thammasat University; 2014. (218 p.). (in Thai)
Rattanavareewong S, Pensirinapa N, Jankong W. Factors related to the participation in quality development and hospital accreditation of health personnel at community hospitals in Bueng Kan Province. Journal of Safety and Health. 2014;7(26):48-58. (in Thai)
