การใช้ยาสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพ ปัจจุบัน : กรณีศึกษเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การใช้ยาจากสมุนไพรในเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอสูงเนิน ศึกษาปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการใช้ยาจากสมุนไพรอย่างมีประสิทธิผล เพื่อให้พบแพทย์ บุคลากรสาธาณสุขทั้งแผนปัจจุบันและแผนไทย มีการใช้ยาจากสมุนไพรในการรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิผล ประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยตรงตามมาตรฐานเวชกรรมไทย. ใช้วิธีการวิจัยเชิงปฏิบัติการมี 3 ระยะ 1) ระยะก่อนการปฏิบัติการ: ประเมินสถานการณ์การใช้ยาจากสมุนไพร 2) ระยะปฏิบัติการ : สัมภาษณ์เชิงลึกและสนทนากลุ่ม 3) ระยะประเมินผล : ประเมินผลการรักษาและการใช้คู่มือเกณฑ์การรักษาแผนไทย กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ให้บริการแผนปัจจุบันและแผนไทยในโรงพยาบาล สถานีอนามัย และประชาชนผู้รับบริการแผนไทย เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอสูงเนิน ดำเนินการ กุมภาพันธ์ ถึง มิถุนายน 2553 ผลการศึกษา ระยะก่อนปฏิบัติการ พบว่า สถานการณ์การใช้ยาจากสมุนไพรอยู่ในเกณฑ์ดี มูลค่าการใช้ยาจากสมุนไพรของโรงพยาบาลเป็นไปตามเป้าหมาย ในสถานีอนามัยเครือข่าย มีแนวโน้มสูงขึ้นและเข้าใกล้เป้าหมาย ระยะปฏิบัติการ พบว่า นโยบายด้านยาจากสมุนไพรของโรงพยาบาลเอื้อต่อการใช้ยาจากสมุนไพรในเครือข่ายบริการสุขภาพ แต่ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในกลุ่มแพทย์แผนปัจจุบัน ขาดประชาสัมพันธ์เชิงรุกในถานบริการและชุมชน ผลการใช้ยาจากสมุนไพร พบว่า ช่วบยรักษาและบรรเทาอาการให้ดีขึ้น ปลอดภัย และผลข้างเคียงน้อย ได้ปรับปรุงคู่มือเกณฑ์การรักษาแพทย์แผนไทยและจัดอบรมให้เจ้าที่ 98 คน (ร้อยละ 34.51) ระยะประเมินผล พบว่า ปัจจัยเชิงระบบ ปัจจัยให้ผู้บริการแผนปัจจุบัน แผนไทย และประชาชนผู้รับบริการส่งผลต่อการใช้ยาจากสมุนไพรและผลการใช้ยาจากสมุนไพร จัดทำคู่มือเกณฑ์ฯ ฉบับสมบูรณ์และประเมินผลในช่วงต่อไป ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในระบบบริการสุขภาพระดับอำเภอ ได้แก่ การประกาศนโยบายการใช้ยาจากสมุนไพรควบคู่กับยาแผนปัจจุบันให้ชัดเจน การใช้ยาจากสมุนไพรอย่างสมเหตุสมผลสอดคล้องกับการรักษา และการใช้ยาจากสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเองของชุมชน
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. อรพรรณ มาตังคสมบัติ, สุรเกียรติ อาชานานุภาพ, มันทนา สุทธานุรักษ์, นารัต เกษตรทัต, เนตรนภิส สุชนวนิช, พิสนธ์ จงตระกูล, และคณะ. บทที่ 5 การใช้ยา. ใน: สุวิทย์ วิบูลผลประเสริฐ. วิชัย โชควิวัฒน, ศรีเพ็ญ ตันติเวสส, บรรณาธิการ. ระบบยาของประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2545. หน้า 189-241.
3. Hennessy S, Strom BL. and Lipton HL, Soumerai SB. Drug Utilization Review. In: Strom BL, Editor. Pharmacoepidemiology. 3rd ed. Chichester: John Wiley and Sons; 2000. p 507.
4. คณะกรรมการอำนวยการจัดทำแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2550-2554. แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2550-2554. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการอำนวยการจัดทำแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 10 พ.ศ. 2550-2554; 2550.
5. คณะอนุกรรมการพัฒนาการแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา. คู่มือเกณฑ์การรักษาแพทย์แผนไทย. นครราชสีมา: โรงพยาบาลสูงเนิน; 2534.
6. อรุณพร อิฐรัตน์, เพชรน้อย สิงห์ช่างชัย, ภัควิภา คุโรปกรณ์พงศ์, ณรงศ์ศักดิ์ สิงห์ไพบูลย์พร, ปราณี รัตนสุวรรณ, โสภา คำมี. พฤติกรรมและความพร้อมในการใช้สมุนไพรตามโครงการสาธารณสุขมูลฐานของบุคลากรทางการแพทย์ ในจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย. สงขลานครินทร์เวชสาร 2543;18 (2): 93-103.
7. สถาบันการแพทย์แผนไทย. กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข. บทคัดย่อ กระบวนการจัดหลักสูตรการศึกษาด้านการแพทย์แผนไทยในปัจจุบัน. [online]. Available from: URL: http://ittm.dtam.moph.go.th/Service/project_data/index.htm
8. คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา. บัญชียาหลักแห่งชาติ พ.ศ.2542 (บัญชียาจากสมุนไพร). พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2545.
9.คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา. บัญชียาจากสมุนไพร พ.ศ. 2549. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2549.