การศึกษาประสิทธิผลของการทับหม้อเกลือในการดูแลหญิงหลังคลอด

Main Article Content

Ueampron Suwannatrai
Parunkul Tungsukrutai
Surang Visesmanee
Pramote Stienrut
Dittakan Boriboonhirunsarn
Pravit Akarasereenont
Tawee Laohapand

บทคัดย่อ

การทับหม้อเกลือเป็นการดูแลหญิงหลังคลอดตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย ซึ่งใช้ในสถานบริการอย่างแพร่หลาย งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการทับหม้อเกลือในหญิงหลังคลอด โดยศึกษาในหญิงหลังคลอด 60 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลองทับหม้อเกลือแบบปรกติ 30 ราย และกลุ่มควบคุมทับหม้อเกลือแบบหลอก 30 ราย ก่อนและหลังการทดลองจะตรวจประเมินทางการแพทย์แผนไทย วัดสัดส่วนร่างกาย สีของน้ำคาวปลา ระดับความปวดกล้ามเนื้อและปวดมดลูกและความพึงพอใจ ผลการศึกษา พบว่าค่าเฉลี่ยระดับความปวดกล้ามเนื้อหลังการทดลองและระยะเวลาในการหายปวดกล้ามเนื้อระหว่างกลุ่มแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ค่าพี=0.04) ไม่พบความแตกต่างในทางสถิติของค่าเฉลี่ยระดับความปวดมดลูกและระยะเวลาในการหายปวดมดลูกระหว่างกลุ่ม ผลการเปรียบเทียบความแตกต่างของสัดส่วนของร่างกายก่อนและหลังทดลองทั้งสองกลุ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ค่าพี<0.001) กลุ่มทดลองมีสีของน้ำคาวปลาหลังการทดลองวันที่ 5 แตกต่างจากของกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ค่าพี=0.008) กล่าวโดยสรุปการทับหม้อเกลือมีประสิทธิผลช่วยลดระดับความปวดกล้ามเนื้อและปวดมดลูก มีผลต่อสีของน้ำคาวปลา ให้ความพึงพอใจสูงและไม่พบอาการแทรกซ้อน จึงควรส่งเสริมให้มีการบริการทับหม้อเกลือในทุกโรงพยาบาลเพื่อฟื้นฟูสุขภาพให้หญิงหลังคลอด

Article Details

ประเภทบทความ
Original Articles
ประวัติผู้แต่ง

Ueampron Suwannatrai

N/A

Parunkul Tungsukrutai

N/A

Surang Visesmanee

N/A

Pramote Stienrut

N/A

Dittakan Boriboonhirunsarn

N/A

Pravit Akarasereenont

N/A

Tawee Laohapand

N/A

เอกสารอ้างอิง

1. กุสุมา ศรียากุล. การดูแลสุขภาพหญิงหลังคลอดด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้าน กรณีการศึกษา ชุมชนมอญวัดปทุมวาส จังหวัดปทุมธานี. ปทุมธานี: ทุนอุดหนุนสนับสนุนการวิจัยจากโครงการสนับสนุนนักวิจัยรุ่นใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2548. (92 หน้า).
2. จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร. ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการดูแลสุขภาพตนเองของหญิงหลังคลอดชาวลีซู. วิทยานิพนธ์ ปริญญาการศึกษามหาวิทยาลัยมหาบัณฑิต สาขาการส่งเสริมสุขภาพ. บัณฑิตวิทยาลัย. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2546. (104 หน้า).
3. พรทิพย์ เติมวิเศษ. การดูแลสุขภาพหญิงหลังคลอดด้วยการแพทย์แผนไทย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2548. หน้า 23-45.
4. ลาวัลย์ สมบูรณ์ และเทียมศร ทองสวัสดิ์. การปฏิบัติการดูแลตนเองของหญิงหลังคลอดชาวเขาในพื้นที่ปฏิบัติงานโครงการหลวงจังหวัดเชียงใหม่. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่: (86 หน้า).
5. กรม. อนามัย.กองอนามัยการเจริญพันธุ์. คู่มือมารดาหลังคลอดและการดูแลทารกกระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์; 2554. หน้า 3-4.
6. ประเสริฐ ศันสนีย์วิทยกุล. ใน: มานี ปิยะอนันต์, ชาญชัย วันทนาศิริ, ประเสริฐ ศันสนีย์วิทยกุล (บรรณาธิการ). ตำราสูติศาสตร์ ภาควิชาสูติศาสตร์ – นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: 2552. หน้า 217-23.
7. ชัยรัตน์ คุณาวิกติกุล. ระยะหลังคลอด. ใน: ธีระ ทองสง, ชเนนทร์ วนาภิรักษ์ (บรรณาธิการ). สูติศาสตร์ (ฉบับเรียบเรียงครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: พี.บี.ฟอเรน บุ๊คส เซนเตอร์; 2541. หน้า 169-78.
8. ชัยภาม จันทบุตร, เทียมจิต ทองลือ, ประมวล คำแก้ว, ประสพพร พันธุ์เพ็ง, พนิตสุภา เชื้อซั่ง, เรียบ ทิพเจริญและคณะ. การแพทย์แผนไทยในคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: ศุภวนิชการพิมพ์;2552. หน้า 50.8
9. Prenatal services BC. Obstetrics Guideline 20 Postpartum Nursing Care Pathway, Perinatal Service BC [Internet]. 2011 Mar. [cited 2013 Dec 1]; [56 screens]. Available from: http://www.perinatalservicesbc.ca/NR/rdonlyres/EF4F92F4-5BFF-461E-8B0C-9E8B9EDCF2AD/0/ToolkitOBGuideline20PPNursingCarePathway.pdf.
10. สร้อยศรี เอี่ยมพรชัย, สิริกานต์ ภูโปร่ง, สุภาวดี หนองบัวดี, ดอกไม้ วิวรรธมงคล, พัสราภรณ์ ศุภวงศ์วรรธนะ, สุรางค์ วิเศษมณี และคณะ. การนวดไทยแบบราชสำนักร่วมกับการประคบด้วยสมุนไพร: ประสิทธิผลในการลดอาการปวดหลังระยะหลังคลอด. วารสารการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก. 2552; 7(2-3): 181-8.