การพัฒนารูปแบบการบริหารการพยาบาล การรับและส่งต่อผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จังหวัดยโสธร

Main Article Content

เยาวลักษณ์ เมณฑกานุวงษ์
กลอยใจ แสนวงษ์
จารุณี สุธีร์

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ


       การวิจัยและพัฒนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารการพยาบาล การรับและส่งต่อผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จังหวัดยโสธร และศึกษาผลลัพธ์ของรูปแบบ กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง คือ ผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 102 คน และพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลยโสธร และโรงพยาบาลชุมชนในเครือข่ายจังหวัด 36 คน ดำเนินการ 4 ระยะ: (1) เตรียมการและวิเคราะห์สถานการณ์ (2) พัฒนารูปแบบ (3) นำรูปแบบไปใช้  (4) ประเมินผล เครื่องมือในการวิจัย คือ (1) โปรแกรมพัฒนาสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพ (2) มาตรฐานการพยาบาล (3) แผนการนิเทศทางการพยาบาล  ตรวจสอบความตรงของเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้เครื่องมือ (1) แบบประเมินความรู้ของพยาบาลวิชาชีพ ค่าความยากง่าย 0.6  (2) แบบสอบถามความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพ ค่าความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์อัลฟาครอนบาค 0.81 (3) แบบประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานการพยาบาล (4) แบบบันทึกตัวชี้วัดคุณภาพการพยาบาล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา pair t- test และ Chi-square


ผลกาวิจัย พบว่า รูปแบบการบริหารการพยาบาล การรับและการส่งต่อผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จังหวัดยโสธร ประกอบด้วย โปรแกรมการพัฒนาสมรรถนะพยาบาลวิชาชีพ มาตรฐานการพยาบาล และการนิเทศ ผลลัพธ์ด้านคุณภาพการพยาบาล ได้แก่ (1) Door to EKG ใน 10 นาที (2) การได้รับยา Streptokinase (3) Door to needle ใน 30 นาที (4) Onset to needle ใน 180 นาที เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 และภาวะแทรกซ้อน Major bleeding จากยา Streptokinase ลดลง อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 ด้านผู้ให้บริการ ได้แก่ ความรู้ของพยาบาลหลังการพัฒนาสูงกว่าก่อนการพัฒนา (Mean ก่อน  11.72,  Mean หลัง 18.75) ความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพระดับมากที่สุด (Mean 4.71) และการปฏิบัติตามมาตรฐานการพยาบาล ร้อยละ 73.33–93.33

Article Details

บท
บทความการศึกษาวิจัย

References

References

The Association of Cardiologists of Thailand. Clinical practice guidelines for the care of patients with chronic ischemic heart disease. 2021. 1st edition. Bangkok: Necckstep Design Limited Partnership; 2022.

World Health Organization. Cardiovascular disease (CVDs). [online] 2019 [cited 2022 Dec 29]. Available from: URL:http://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/cardiovascular-diseases-(cvds)

Bureau of Non-Communicable Disease Ministry of Public Health. Number and mortality rate of 5 non-communicable disease NCD 2016-2020. [Online]. [cited 2022 Dec 29]. Available from: http://www.thaincd.com/2016/mission/documents-detail.php?id=14220&tid=32&gid=1-020

Bureau of Non-Communicable Disease Ministry of Public Health. Number and NCDs mortality rate 2016-2019. [Online]. [cited 2022 Dec 29]. Available from:

http://www.thaincd.com/2016/mission/documents-detail.php?id=13893&tid=32&gid=1-020

Yasothon Hospital. Medical record and statistic of Yasothon Hospital 2020. Yasothon: Yasothon Hospital; 2020. Thai.

Institute of Emergency Medicine. Guidelines for Compliance with Emergency Isolation Critical and prioritize care at the emergency room according to the criteria of IEM set. 1st ed. Bangkok: Institute of Emergency Medicine; 2013.

Mason, EJ. How to write meaningful nursing standard. 3rd ed. New York: Delmar Publishers; 1994.

Proctor, B. Training for the supervision alliance attitude, skill and intention in Fundamental Themes in Clinical Supervision: 25-46. London: Routledge. 2001.

Donabedian, A. An introduction to quality assurance in health care. New York, NY: Oxford University. 2003.

Boonjai Srisathinarakoon. Research methodology in nursing scince. 5th ed. Bongkok: You and I Enter Media. 2010

Pradit Panjawinin. Myocardial ischemia. In: modern medicine 2009. In Wanchai Dechsomritruthai, Roongrote Krittayapong and Apiradee Srichitkamon editor. 2nd ed. Bangkok: printmanking; 2010.

Suree krongthong et al. Delvelopment of expressway service model for myocardial ischemia patients. Medical Journal of Sisaket Hospital, Surin, Buriram. 2018; 33(1): 45-60.

Amornrat panapoi and Bulan Pianthaisong. Nursing network development for STEMI patients with acute myocardial infranction, Buriram Hospital. Medical Journal of Sisaket Hospital, Surin, Buriram. 2018; 33(2): 145-63.