ผลของโปรแกรมการบริหารแบบมีส่วนร่วมต่อการใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยแผลกดทับของพยาบาลวิชาชีพ ในโรงพยาบาลระดับทุติยภูมิแห่งหนึ่ง
คำสำคัญ:
การบริหารแบบมีส่วนร่วม, แนวทางปฏิบัติ, ผู้ป่วยแผลกดทับบทคัดย่อ
การวิจัยนี้ เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการบริหารแบบมีส่วนร่วมต่อการใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยแผลกดทับของพยาบาลวิชาชีพ ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลทุติยภูมิแห่งหนึ่ง ที่ดูแลผู้ป่วยผู้ใหญ่กลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ จำนวน 70 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 35 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ โปรแกรมการบริหารการนิเทศทางการพยาบาลแบบมีส่วนร่วม แบบสอบถามการใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยแผลกดทับของพยาบาลวิชาชีพ โดยมีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา เท่ากับ .93 และ .88 ตามลำดับ และมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ .92 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Paired t-test และ Independent t- test
ผลการศึกษา พบว่า
1) การใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยแผลกดทับของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ก่อนได้รับโปรแกรมการบริหารแบบมีส่วนร่วม โดยรวมอยู่ในระดับน้อย (Mean=2.42, S.D.=0.28 และ Mean=2.46, S.D.=0.24 ตามลำดับ)
2) การใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยแผลกดทับ หลังได้รับโปรแกรมการบริหารแบบมีส่วนร่วม ในกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05)
3) การใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยแผลกดทับในกลุ่มทดลอง หลังได้รับโปรแกรมการบริหารแบบมีส่วนร่วม สูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมการบริหารแบบมีส่วนร่วม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05)
สรุปผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า โปรแกรมการบริหารการนิเทศทางการพยาบาลแบบมีส่วนร่วมที่พัฒนาขึ้น สามารถนำไปใช้พัฒนาให้พยาบาลวิชาชีพมีการใช้แนวทางปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยแผลกดทับที่สูงขึ้น ดังนั้น ผู้บริหารควรใช้การบริหารแบบมีส่วนร่วมในการนิเทศทางการพยาบาลอย่างต่อเนื่อง
References
Marquis, B. L. & Huston, C. J. Leadership Roles and Management Functions in Nursing: Theory and Application. 9th ed. Philadelphia: Wolters Kluwer Health/Lippincott Williams & Wilkins, 2017.
Nursing Division, Office of the Permanent Secretary, Ministry of Public Health. Indicators for improving the quality of annual nurse 2020. Bangkok: Tawan Media Press, 2020. (in Thai)
Agency for Health Care Policy and Research: AHCPR Interim manual for clinical practice guideline development [online]. 1991 [cited 18/10/2020]. Available from: @www.ahrq.gov.
Woolf, S.H., Grol, R., Hutchinson, A., Eccles, M., and Grimshaw, J. Potential Benefits, Limitations, and Harms of Clinical Guidelines. British Medical Journal, 1999; 318: 527-530.
The National Pressure Injury Advisory Panel (NPIAP) and the Pan Pacific Pressure Injury Alliance (PPPIA). Clinical Practice Guideline for Prevention and Treatment of Pressure Injuries (CPG), 2019.
Sashkin, M. A manager's guide to participative management. New York: AMA Membership Publication Division, 1982.
Waiyakorn, R., Singchangchai, P., and Putthiangkura, B. The Relationship between participatory management, Job empowerment, and tower effectiveness patients according to perceptions of nursing executives at the first level of private hospitals. NURSING JOURNAL, 2019; 46(2): 142-152. (in Thai)
Muangprasert, S., et al. The Development of Participative Clinical Supervision Model among the Nursing Division in Naradhiwas Rajanagarindra Hospital. Princess of Naradhiwas University Journal, 2018; 10(2): 13-24. (in Thai)
Garcia-Llana, H., Remor, E., del Peso, G., Celadilla, O., & Selgas, R. Motivational
interviewing promotes adherence and improves wellbeing in pre-dialysis
patients with advanced chronic kidney disease. J Clin Psychol Med settings, 2014.
Srisaard, B. Statistical methods for research, Volume 1. Bangkok: Suwiriyasarn, 2013. (in Thai)
Wanichbancha, K. Statistics for Research. 4thed. Bangkok: Thammasarn Co Ltd., 2009. (in Thai)
Benoliel, P. & Somech, A. Who benefits from participative management? Journal of Educational Administration, 2010.
Dongpho, P. The effectiveness of using clinical practice guidelines for the prevention of pressure ulcers. Journal of Thammasat University Hospital, 2019; 19(2): 319- 323. (in Thai)
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.