https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JNAE/issue/feed วารสารการพยาบาลและการศึกษา 2025-03-31T20:18:37+07:00 ผศ.ดร.กิตติพร เนาว์สุวรรณ kittiporn@bcnsk.ac.th Open Journal Systems <p><span lang="TH"><img src="https://sv1.picz.in.th/images/2022/07/26/XhOJkV.jpg" /></span></p> <p>วารสารวิชาการของสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุขเป็นวารสารในกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์<br />และเทคโนโลยี ที่อยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีอ้างอิงวารสารไทย<br />(Thai Journal Citation Index Center: TCI Center) มีวัตถุประสงค์เพื่อ</p> <p class="body1">1. เผยแพร่ผลงานวิจัยและผลงานวิชาการ ด้านการพยาบาล การผดุงครรภ์ การศึกษาพยาบาล และสุขภาพ</p> <p class="body1">2.เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการของพยาบาล อาจารย์พยาบาลและบุคลากรทางสุขภาพ</p> <p class="body1">3. เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและองค์กรทางสุขภาพทั่ประเทศ<br />กำหนดการออกวารสาร</p> <p class="body1"><strong>วารสารการพยาบาลและการศึกษา เป็นวารสารราย 3 เดือน กำหนดออกปีละ 4 ฉบับ ดังนี้</strong></p> <p class="body1"> ฉบับที่ 1 เดือน มกราคม - มีนาคม<br /> ฉบับที่ 2 เดือน เมษายน - มิถุนายน<br /> ฉบับที่ 3 เดือน กรกฎาคม - กันยายน<br /> ฉบับที่ 4 เดือน ตุลาคม - ธันวาคม</p> https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JNAE/article/view/274679 ประสิทธิผลการจัดระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ภายหลังถ่ายโอนภารกิจให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี 2025-01-02T16:40:55+07:00 จุฑามาศ สินประจักษ์ผล jutha.sinprajak@hotmail.com รุสนา จิตกาหลง jutha.sinprajak@hotmail.com <p>การวิจัยและพัฒนานี้เพื่อศึกษาสถานการณ์ระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ การจัดสรรงบประมาณ พัฒนารูปแบบบริการสุขภาพ และประเมินผลระบบการจัดสรรงบและบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หลังถ่ายโอนภารกิจสู่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี (อบจ.) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสถานการณ์ระบบการจัดบริการปฐมภูมิและการจัดสรรเงินค่าใช้จ่าย เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง จาก รพ.สต. ที่ถ่ายโอนภารกิจไป อบจ. ในปีงบประมาณ 2566 และปี 2567 จำนวน 130 แห่ง ผู้ให้ข้อมูลประกอบด้วยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และ อบจ.จำนวน 16 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา ขั้นตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบระบบบริการสุขภาพและการจัดสรรเงินโดยผ่านคณะกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่ (กสพ.) และ ขั้นตอนที่ 3 ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบระบบบริการสุขภาพและการจัดสรรเงิน จากข้อมูลผลการจัดบริการและการจัดสรรเงินค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ 2566 และปี 2567 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน และร้อยละ ผลวิจัยพบว่า </p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">1. รพ.สต. จัดบริการตามข้อมูลพื้นฐานหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและ อบจ. มีการจัดสรรเงินค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขจัดสรรผ่านคณะอนุกรรมการด้านการจัดสรรงบประมาณ โดยมีการจ่ายตรงจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าร่วมกับคู่สัญญาบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิจัดสรรเป็นเวชภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ปีงบประมาณ 2566 และปี 2567</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">2. รูปแบบการจัดบริการสุขภาพปฐมภูมิถูกออกแบบพร้อมกับรูปแบบการจัดสรรเงินค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขผู้ป่วยนอก (OP) และ และสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&amp;P) พบว่าในปี 2566 งบเหมาจ่ายรายหัว OP 7% และ P&amp;P 90% ส่วนในปี 2567 งบเหมาจ่ายรายหัวปรับงบเหมาจ่ายรายหัวคำนวนใหม่ OP 8% และ P&amp;P 85% และ อีก 15 % เป็นกองกลางเพื่อจัดทำกิจกรรม PP รวมกันระหว่าง สสจ และ อบจ.</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">3. การจัดบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&amp;P) ที่เป็นรายการจ่ายแบบตามผลงานมีผลงาน</span><span style="font-size: 0.875rem;">การจัดบริการที่เพิ่มมากขึ้น และมูลค่าการจัดสรรเงินปี 2567 ได้รับการจัดสรรเพิ่มมากขึ้น เท่ากับ 5,621,459.88 บาท มูลค่าการจัดสรรยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาปี 2567 เท่ากับ 265,558.56 บาท</span></p> <p>สสจ. และ อบจ. ควรมีการควบคุมกำกับติดตามผลการปฏิบัติงานและการจัดสรรเงินร่วมกันเพื่อให้ไม่เกิดผลกระทบต่อประชาชน และการจัดสรรเงินที่เหมาะสมต่อการจัดบริการสำหรับประชาชน</p> 2025-03-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารการพยาบาลและการศึกษา https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JNAE/article/view/271089 สมรรถนะการบริหารหลักสูตรของผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริหาร หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก 2024-11-02T10:39:23+07:00 ทรงฤทธิ์ ทองมีขวัญ trongrit2514@gmail.com สกุนตลา แซ่เตียว trongrit2514@gmail.com วรินทร์ลดา จันทวีเมือง trongrit2514@gmail.com <p>การวิจัยเชิงทำนายนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับสมรรถนะการบริหารหลักสูตรของผู้รับผิดชอบหลักสูตร ระดับคุณภาพการบริหารหลักสูตร และปัจจัยสมรรถนะการบริหารหลักสูตรของผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริหารหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้รับผิดชอบหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาล 30 แห่ง คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก จำนวน 108 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล สมรรถนะการบริหารหลักสูตร และคุณภาพการบริหารหลักสูตร หาค่าดัชนีความตรงเชิงเนื้อหา ได้ค่าระหว่าง 0.67 - 1.00 หาความเชื่อมั่นของแบบสอบถามสมรรถนะการบริหารหลักสูตร 6 ด้าน ได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ .87, .88, .84, .93, .94, .90 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา <br />และสถิติวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณแบบทีละขั้นตอน ผลการวิจัยพบว่า</p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">1. ระดับสมรรถนะการบริหารหลักสูตรของผู้รับผิดชอบหลักสูตรโดยรวม อยู่ในระดับดีมาก (</span><em style="font-size: 0.875rem;">M</em><span style="font-size: 0.875rem;"> = 4.22, </span><em style="font-size: 0.875rem;">SD</em><span style="font-size: 0.875rem;"> = 0.39) โดยด้านการประกันคุณภาพภายในระดับหลักสูตร มีค่าคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุด (</span><em style="font-size: 0.875rem;">M</em><span style="font-size: 0.875rem;"> = 4.41, </span><em style="font-size: 0.875rem;">SD </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 0.49) รองลงมาคือ ด้านการพัฒนาหลักสูตร (</span><em style="font-size: 0.875rem;">M </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 4.30, </span><em style="font-size: 0.875rem;">SD </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 0.43) ส่วนด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีค่าคะแนนเฉลี่ยต่ำที่สุด (</span><em style="font-size: 0.875rem;">M </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 4.08, </span><em style="font-size: 0.875rem;">SD </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 0.55)</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">2. ระดับคุณภาพการบริหารหลักสูตรโดยรวม อยู่ในระดับดี (</span><em style="font-size: 0.875rem;">M</em><span style="font-size: 0.875rem;"> = 92, </span><em style="font-size: 0.875rem;">SD </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 0.13) โดยด้านบัณฑิต มีค่าคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุด (</span><em style="font-size: 0.875rem;">M </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 4.58, </span><em style="font-size: 0.875rem;">SD</em><span style="font-size: 0.875rem;"> = 0.30) รองลงมาคือ ด้านอาจารย์ (</span><em style="font-size: 0.875rem;">M </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 4.06, </span><em style="font-size: 0.875rem;">SD </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 0.28) ส่วนด้านนักศึกษา มีค่าคะแนนเฉลี่ยต่ำที่สุด (</span><em style="font-size: 0.875rem;">M</em><span style="font-size: 0.875rem;"> = 3.50, </span><em style="font-size: 0.875rem;">SD </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 0.67)</span></p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">3. ปัจจัยสมรรถนะการบริหารหลักสูตรของผู้รับผิดชอบหลักสูตรที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพการบริหารหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก คือ ด้านการพัฒนาหลักสูตร (Beta = .305, </span><em style="font-size: 0.875rem;">t</em><span style="font-size: 0.875rem;"> = 552) ด้านการนิเทศการจัดการเรียนรู้ (Beta = .285, </span><em style="font-size: 0.875rem;">t</em><span style="font-size: 0.875rem;"> = 3.048) และด้านการบริหารจัดการการเรียนรู้ </span><span style="font-size: 0.875rem;">(Beta = .227, </span><em style="font-size: 0.875rem;">t </em><span style="font-size: 0.875rem;">= 2.393) ทั้ง 3 ตัวแปร ร่วมทำนายได้ร้อยละ 20.20 (</span><em style="font-size: 0.875rem;">R <sup>2 </sup></em><span style="font-size: 0.875rem;">= .202, </span><em style="font-size: 0.875rem;">p-value</em><span style="font-size: 0.875rem;"> &lt; .05)</span></p> <p>คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก ควรให้ความสำคัญ ส่งเสริม และพัฒนาสมรรถนะการบริหารหลักสูตรของผู้รับผิดชอบหลักสูตรทั้ง 3 ด้าน ให้สูงขึ้น อย่างเป็นแบบแผน <strong> </strong></p> 2025-04-18T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสารการพยาบาลและการศึกษา