ผลของโปรแกรมการสร้างพลังสำหรับผู้ดูแลต่อภาระการดูแลผู้ที่เป็นโรคจิตเภทในชุมชน
คำสำคัญ:
โปรแกรมการสร้างพลังสำหรับผู้ดูแล , ภาระการดูแล , ผู้ที่เป็นโรคจิตเภทในชุมชนบทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง ใช้รูปแบบการศึกษาสองกลุ่มวัดผลก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบ 1) ภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ที่เป็นโรคจิตเภทในชุมชน ก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการสร้างพลังสำหรับผู้ดูแล และ 2) ภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ที่เป็นโรคจิตเภทในชุมชน ระหว่างกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมการสร้างพลังสำหรับผู้ดูแล กับกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ดูแลหลักในครอบครัว ที่ให้การดูแลผู้ป่วยจิตเภทที่อาศัยอยู่ในชุมชน ซึ่งมีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ จำนวน 50 คน จากนั้นได้รับการจับคู่ด้วยระยะเวลาในการดูแล แล้วสุ่มเข้ากลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย โปรแกรมการสร้างพลังสำหรับผู้ดูแล แบบวัดภาระในการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท เครื่องมือทุกชุดผ่านการตรวจสอบคุณภาพ โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค เท่ากับ 0.88 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบทีผลการวิจัยที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้ 1) ภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ที่เป็นโรคจิตเภทในชุมชน หลังเข้าร่วมโปรแกรมการสร้างพลังสำหรับผู้ดูแล น้อยกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมการสร้างพลังสำหรับผู้ดูแล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 2) ภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ที่เป็นโรคจิตเภทในชุมชน ที่เข้าร่วมโปรแกรมการสร้างพลังสำหรับผู้ดูแล น้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
เอกสารอ้างอิง
กรมสุขภาพจิต. (2559). แผนยุทธศาสตร์กรมสุขภาพจิตในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) และนโยบายกรมสุขภาพจิต ประจำปี 2560–2561. นนทบุรี: กองแผนยุทธศาสตร์ กรมสุขภาพจิต
ขนิษฐา สุขทอง. (2555). ผลของสุขภาพจิตศึกษาครอบครัวแบบกลุ่มต่อภาระและการแสดงออกทางอารมณ์สูงของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทในชุมชน.วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลสุขภาพจิตและ จิตเวช, คณะพยาบาลศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จุฬาลักษณ์ นิลอาธิ และเนาวรัตน์ สิงห์สนั่น. (2564) บทบาทของพยาบาลจิตเวชชุมชนเพื่อเสริมสร้างพลังสุขภาพจิตในผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทที่ได้รับการวินิจฉัยครั้งแรก.วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม, 22 (43), 103–113
จรัสพร หอมจันทร์ดี และเพ็ญนภา แดงด้อมยุทธ์. (2562). โปรแกรมการสนับสนุนทางสังคมที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทชุมชน. วารสารพยาบาลตำรวจ, 11(2), 433-443.
ไชยุตม์ ไชยศิวามงคล. (2565). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับความรู้สึกเป็นภาระของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารสุขภาพและสิ่งแวดล้อมศึกษา, 7(4), 102–113.
ดลฤดี ทับทิม. (2552). การศึกษาการใช้โปรแกรมสุขภาพจิตศึกษาครอบครัวต่อภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วย จิตเภทในชุมชน อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นพรัตน์ ไชยชำนิ. (2544). ผลของการใช้โปรแกรมการดูแลผู้ดูแลแบบองค์รวมต่อภาระและความสามารถในการดูแลผู้ป่วยจิตเภท.วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลสุขภาพจิตและจิตเวช, คณะพยาบาลศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ประเทือง ละออสุวรรณ และนภา จิรัฐจินตนา. (2561). ผลของการใช้โปรแกรมสุขภาพจิตศึกษาครอบครัวต่อภาระของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทที่ได้รับการเยี่ยมบ้านเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา, 12(2), 37–47.
โรงพยาบาลนภาลัย. (2567). รายงานประจำปี โรงพยาบาลนภาลัย. สมุทรสงคราม.
วันทนีย์ ล้ำเลิศ และเพ็ญนภา แดงด้อมยุทธ์. (2561). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความสามารถของผู้ดูแลต่อภาระการดูแลผู้ป่วยจิตเภทในชุมชน. วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, 32(3), 104–117.
สรินดา น้อยสุข และพิมพ์พิมล เรืองฤทธิ์ (2564). ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อภาระการดูแลของผู้ดูแล ผู้ป่วยจิตเภท.วารสารกองการพยาบาล, 48(2), 30–41.
เสาวนีย์ คงนิรันดร, ดวงใจ วัฒนสินธุ์ และชนัดดา แนบเกษร. (2561). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภท. วารสารการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต, 32(3), 118–132.
อัครวัฒน์ เพียวพงภควัต. (2561). ปัจจัยที่มีผลต่อภาระการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเภทที่มารับบริการ โรงพยาบาลหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 12(28), 072–084.
Aly Hamed, S., Ahmed Mohamed Ismail, M., Abd Elaziem Mohamed, A., & Mohammed Mahmoud Abu Salem, E. (2023). Effect of Educational Supportive Program on Knowledge, Emotional Empathy, and Burden of Schizophrenic Patients' Caregivers. Egyptian Journal of Health Care, 14(4), 135–150.
Bandura, A. W., Sebastian. (1997). Self-efficacy. Cambridge University Press Cambridge.
Bademli, K., Lök, N., & Lök, S. (2023). The Effect of a Physical Activity Intervention on Burden and Depressive Symptoms in Depressed Family Caregivers of Patients with Schizophrenia: A Randomized Controlled Trial. Journal of Physical Activity and Health, 20(12), 1109–1115.
Chan, S. W., Yip, B., Tso, S., Cheng, B. S., & Tam, W. (2009). Evaluation of a psychoeducation program for Chinese clients with schizophrenia and their family caregivers. Patient Education and Counseling, 75(1), 67-76. DOI: 10.1016/j.pec.2008.08.028
Goonathilake, P., Ediriweera, D., Ruban, R., & Isuru, A. (2022). Prevalence and correlates of cognitive impairment in schizophrenia: a cross-sectional study from a teaching hospital southern Sri Lanka. BMC Psychiatry, 22(1), 716.
Health Data Center: HDC. (2567). ร้อยละของผู้ป่วยโรคจิตเภท.https://hdc.moph.go.th/udn/public/standard-report-detail/7b13c6fcfb0be636fc5cce071e49a71a.
Koujalgi, S. R., & Nayak, R. B. (2016). Factors associated with family burden in schizophrenia. Indian Journal of Health Sciences and Biomedical Research kleu, 9(3), 273-278.
Lefley, H. P. (1987). Aging parents as caregivers of mentally ill adult children: An emerging social problem. Psychiatric Services, 38(10), 1063-1070.
Montgomery, R. J., Gonyea, J. G., & Hooyman, N. R. (1985). Caregiving and the experience of subjective and objective burden. Family Relations: An Interdisciplinary Journal of Applied Family Studies, 34(1), 19–26. https://doi.org/10.2307/583753
Provencher, H. L. (1996). Objective burdenamong primary caregiver of persons withchronic schizophrenia. Psychiatric and Mental Health Nursing, 3(3), 181–187 DOI: 10.1111/j.1365-2850.1996.tb00085.x
Schmall, V. L, Clcland, M., & Sturdevant, M. (2000). The caregiver help book (use in the powerful tools for carc giving). Oregon,Oregon Gcrontological Association:Legacy Health System.
Savundranayagam, M. Y., Montgomcry, R. J., Kosloski, K., & Little T. D. (2011). Impact of a psychocducational program on three types of carcgiver burden among spouscs. International Journal of Geriatric Psychiatry, 26(4), 388–396. doi: 10.1002/gps.2538.
Thimmajja, S. G., & Rathinasamy, E. V. L. (2019). Effectiveness of psycho-education on knowledge regarding schizophrenia and caregivers’ burden among caregivers
of patients with schizophrenia–a randomized controlled trial. Family Medicine & Primary Care Review 21(2), 104–111. DOI:10.5114/fmpcr.2019.84552
Wold Health Organization. (2022). Schizophrenia. https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/schizophrenia
Yazici, E., Karabulut, Ü., Yildiz, M., Tekeş, S. B., Eda, İ., Çakir, U., Boşgelmez, Ş., & Turgut, C. (2016). Burden on caregivers of patients with schizophrenia and related factors. Nöro Psikiyatri Arşivi, 53(2), 96–101. doi: 10.5152/npa.2015.9963.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลที่เผยแพร่ในวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์บทความโดยตรง
บทความ เนื้อหา ข้อมูล รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่หรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องอ้างอิงวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามทุกครั้ง