อิทธิพลของการรับรู้คุณค่าการอบรมเลี้ยงดูของบุพการีต่อการตั้งใจที่จะเรียนรู้ การปรับตัวและการจัดการเวลาและกิจกรรมนอกห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพของวัยรุ่นตอนปลาย

ผู้แต่ง

  • นภิสสรา ธีระเนตร อาจารย์ประจำวิทยาลัยพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
  • นันทิยา ปรีชาเสถียร Head of the Department of Pediatric and Adolescent Nursing, Faculty of Nursing, North Bangkok University

คำสำคัญ:

การรับรู้คุณค่าการอบรมเลี้ยงดูของบุพการี, การตั้งใจที่จะเรียนรู้, การปรับตัว, การจัดการเวลาและกิจกรรมนอกห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้คุณค่าการอบรมเลี้ยงดูของบุพการีกับความตั้งใจในการเรียนรู้ การปรับตัว และการจัดการเวลาและกิจกรรมนอกห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพของวัยรุ่นตอนปลาย กลุ่มตัวอย่างคือ นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ จำนวน 55 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง (purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามที่ผ่านการตรวจสอบความเที่ยงตรงและความเชื่อมั่น การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติถดถอยพหุคูณ (Multivariate Multiple Regression)

ผลการวิจัยพบว่า การรับรู้คุณค่าการเลี้ยงดูมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญต่อ

  1. ความตั้งใจในการเรียนรู้ (R² = .431, p < .001)
  2. การปรับตัว (R² = .343, p < .001)
  3. การจัดการเวลาและกิจกรรมนอกห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ (R² = .153, p = .003)

สรุปได้ว่า การรับรู้คุณค่าจากการอบรมเลี้ยงดูมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาพฤติกรรมการเรียนรู้และการใช้ชีวิตของวัยรุ่นตอนปลาย โดยเฉพาะในบริบทของนักศึกษาพยาบาลที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นวิชาชีพ ควรมีการส่งเสริมรูปแบบการเลี้ยงดูที่เน้นความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างบุพการีกับบุตร เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตอย่างยั่งยืน

เอกสารอ้างอิง

เกศรา เสนงาม, นงนภัส วิสุทธิ, และศศิพินทุ์ ศุภมนตรี. (2556). ผลการฝึกปฏิบัติการพยาบาลเด็กและวัยรุ่นต่อนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3. ศูนย์สนับสนุนและพัฒนาการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยรังสิต.

ปิยพงศ์ สอนลบ, สุวรรณี สร้อยสงค์, สุภาณี คลังฤทธิ์ สมาพร เทียนขาว, นันทวรรณ ธีรพงศ์, และฉันทนา โสวัตร. (2567). อิทธิพลของการเผชิญปัญหาและความเข้มแข็งทางใจต่อความเครียดของนักศึกษาพยาบาลที่ฝึกวิชาปฏิบัติการพยาบาลขั้นพื้นฐาน. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 32(1), 38-48.

วนัญญา แก้วแก้วปาน. (2560). สัมพันธภาพครอบครัวกับปัญหาการกระทำผิดในวัยรุ่น. Veridian E-Journal ฉบับภาษาไทย, สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร. 10(1), 361-371.

สุรางค์ โค้วตระกูล. (2550). จิตวิทยาการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่7). โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สุวรรณี สร้อยสงค์, สุภาณี คลังฤทธิ์, ปิยพงศ์ สอนลบ, จินดาวรรณ เงารัศมี, นันทวรรณ ธีรพงศ์ และขวัญสุวีย์ อภิจันทรเมธากุล (2567). ผลการใช้กิจกรรมจิตตปัญญาศึกษาเพื่อลดความเครียดและส่งเสริมการเผชิญปัญหาของนักศึกษาพยาบาลในวิชาปฏิบัติหลักการและเทคนิคการพยาบาล. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 32(2), 52-65.

Aaltonen, S. (2013). ‘Trying to push things through’: Forms and bounds of agency in transitions of school-age young people. Journal of Youth Studies, 16(3), 375-390

Bandura, A. (1977). Social learning theory. Prentice Hall.

Best, J. W., & Kahn, J. V. (2014). Research in education (10th ed). Pearson Education.

Bonwell, C. C., & Eison, J. A. (1991). Active learning: Creating excitement in the classroom. ASHE-ERIC Higher Education Reports.

Casey, A. M., & Wilson, J. L. (2015). Nursing education in the United States: Challenges and opportunities. Springer Publishing Company.

Cheung, R., Au, A., & Ngai, F. (2016). Self-esteem and adaptation in nursing students: A longitudinal study. Journal of Nursing Education, 55(10), 583–588.

Degrande, T., Verschaffel, L., & Van Dooren, W. (2018). Beyond additive and multiplicative reasoning abilities: How preference enters the picture. European Journal of Psychology of Education, 33(4), 559–576.

Fredricks, J. A., Blumenfeld, P. C., & Paris, A. H. (2004). School engagement: Potential of the concept, state of the evidence. Review of Educational Research, 74(1), 59–109.

Henseler, J., Ringle, C. M., & Sarstedt, M. (2015). A new criterion for assessing discriminant validity in variance-based structural equation modeling. Journal of the Academy of Marketing Science, 43(1), 115–135.

Kirkwood, A., & Price, L. (2014). Technology-enhanced learning: The next generation. Routledge.

Knowles, M. S. (1975). Self-directed learning: A guide for learners and teachers. Association for Supervision and Curriculum Development.

Krejcie, R.V., & D.W. Morgan. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610.

McDermott-Levy, R. (2011). Caring science, mindful practice: Nursing the self, nursing the world. Jones & Bartlett Learning.

Polit, D. F., & Beck, C. T. (2006). Nursing research: Principles and methods (7th ed.). Lippincott Williams & Wilkins.

Roy, C. (2009). The Roy adaptation model: Nursing theory in practice. Springer Publishing Company.

Seligman, M. E. P. (2011). Flourish: A visionary new understanding of happiness and well-being. Simon & Schuster.

Van Iersel, M., Hermens, R. P., & Hulscher, M. E. J. L. (2016). Competency-based education in undergraduate medical education: A systematic review from the Netherlands. Perspectives on Medical Education, 5(4), 218–227.

Vygotsky, L. S. (1978). Mind in society: The development of higher psychological processes. Harvard University Press.

Zimmerman, B. J. (2000). Self-efficacy: An essential motive to learn. Contemporary Educational Psychology, 25(1), 82–90.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-29

รูปแบบการอ้างอิง

ธีระเนตร . น. ., & ปรีชาเสถียร น. (2025). อิทธิพลของการรับรู้คุณค่าการอบรมเลี้ยงดูของบุพการีต่อการตั้งใจที่จะเรียนรู้ การปรับตัวและการจัดการเวลาและกิจกรรมนอกห้องเรียนอย่างมีประสิทธิภาพของวัยรุ่นตอนปลาย. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม, 26(50), 51–63. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/nursingsiamjournal/article/view/276540

ฉบับ

ประเภทบทความ

research article