รูปแบบการจัดการการดูแลผู้ป่วยหอบหืดโรงพยาบาลชุมชน ระดับทุติยภูมิ จังหวัดสระบุรี
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์การจัดการการดูแลผู้ป่วยหอบหืด โรงพยาบาลชุมชนระดับทุติยภูมิ จังหวัดสระบุรี 2) พัฒนารูปแบบการจัดการการดูแลผู้ป่วยหอบหืด และ 3) ประเมินความเหมาะสมของรูปแบบที่พัฒนาขึ้น กลุ่มตัวอย่างเลือกแบบเฉพาะเจาะจง กลุ่ม 1 เพื่อวิเคราะห์การจัดการการดูแลผู้ป่วยหอบหืด ประกอบด้วย ผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ได้แก่ แพทย์ 4 คน พยาบาล 4 คน เภสัชกร 4 คน นักกายภาพบำบัด 4 คน ผู้ป่วย 4 คน และญาติ 4 คน กลุ่ม 2 เพื่อประเมินความเหมาะสมของรูปแบบที่พัฒนาขึ้น ได้แก่ ผู้ให้บริการ 2 คน ผู้รับบริการ 2 คน และผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คน รวม 7 คน เครื่องมือในการวิจัยมี 2 ชุด ได้แก่ 1) แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างเพื่อวิเคราะห์การจัดการการดูแลผู้ป่วยหอบหืดสำหรับผู้ให้บริการและผู้รับบริการมี 2 ส่วน และ 2) แบบประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการการดูแลผู้ป่วยที่พัฒนาขึ้น เครื่องมือทั้ง 2 ชุด ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 5 คน มีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาของชุดที่ 1 ส่วนที่ 1 และ 2 เท่ากับ 0.78, 0.84 และชุดที่ 2 เท่ากับ 0.79 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนาและการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้ป่วยหอบหืดจำนวนหนึ่งยังมีความรู้และความสามารถไม่เพียงพอต่อการจัดการการดูแลตนเอง จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการ ครอบครัว และชุมชนเพิ่มขึ้น 2) รูปแบบการจัดการการดูแลผู้ป่วยหอบหืด ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) การจัดบริการสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมโยงจากโรงพยาบาลสู่บ้าน (2) การทำงานร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพโดยให้ผู้ป่วยหรือญาติร่วมตั้งเป้าหมาย (3) การพัฒนาแนวปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยหอบหืดและแนวทางการให้สุขศึกษาผู้ป่วยหอบหืด (4) การพัฒนาสมรรถนะพยาบาลในการจัดการรายกรณีผู้ป่วยหอบหืด (5) การพัฒนาระบบการลงบันทึกข้อมูลผู้ป่วยหอบหืดและนำผลมาวิเคราะห์มาใช้กับผู้ป่วย (6) การส่งเสริมการจัดการการดูแลตนเองของผู้ป่วยในด้านการออกกำลังกาย การจัดการความเครียด และด้านการใช้ยาให้มีประสิทธิภาพ และ (7) ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการการดูแลตนเองของผู้ป่วย และร่วมพัฒนาสิ่งแวดล้อม โดยที่ผู้ให้บริการ ครอบครัวและชุมชน รวมทั้งผู้ป่วย ต้องเป็นผู้มีบทบาทร่วมกันในการพัฒนารูปแบบนี้ และ 3) ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดการการดูแลผู้ป่วยหอบหืด พบว่า มีความเหมาะสมโดยรวมร้อยละ 84.53
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Asthma. [Internet]. [cited 2021 January 11]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/asthma.
Strategy and Planning Division, Ministry of Public Health. Public health statistics A.D. 2018. Nonthaburi: Strategy and Planning Division, Ministry of Public Health; 2019. (in Thai).
Boonpiyathat T, Yimsawad S, Sangasapaviriya A. The cost of asthma treatment in Phramongkutklao hospital: population-base study in adult. Journal of the Medical Association of Thailand 2016;99(1):51-7. (in Thai).
Niyomwit K. Nursing care for ill children with acute asthmatic attack. Journal of Phrapokklao Nursing College 2017;28(1):149-60. (in Thai).
Ruanglapanun W, Wichiencharoen K, Seeda R, Wannapong S. Impacts of asthma disease on school-age asthmatic children and family. J Nurs Sci 2009;27(2):18-27. (in Thai).
Chandondaeng P, Promasatayaprot V, Buranakongkatree U. Quality development system for the chronic care model in Nawa SHPH, Khemarat district, Ubon Ratchathani province. Mahasarakham Hospital Journal 2015;12(3):84-94. (in Thai).
Wagner EH. Chronic disease management: what will it take to improve care for chronic illness? Eff Clin Pract 1998;1(1):2-4.
Global Initiative for Asthma. Global strategy for asthma management and prevention: Updated 2019. [Internet]. [cited 2018 August 20]. Available from: https://ginasthma.org/2019-ginareport-global-strategy-for-asthma-management-and- prevention.
Boonsawat W. Introduction of easy asthma clinic. [Internet]. [cited 2019 October 10]. Available from: http://eac2.easyasthma.com/mdbtemplate/mytemplate/template.php?component=view_article&qid=4. (in Thai).
Creer TL. Self-management for chronic illness. [Internet]. [cited 2019 November 11]. Available from: http://cachescan.bcub.ro/e-book/E1/580704/601-649.pdf.
Brouwers MC, Kho ME, Browman GP, Burgers JS, Cluzeau F, Feder G, et al. AGREE II: advancing guideline development, reporting and evaluation in healthcare. CMAJ 2010;182:E839-42.
Bodhicita C. Science and art qualitative research. 8th ed. Bangkok: Amarin Printing and Publishing; 2019. (in Thai).
Machapamo P. Development of asthma patient care model through participation of health network in Wapipathum hospital, Mahasarakham. Journal of Health Science 2017;26(5):896-904. (in Thai).
Ton S. Clinical outcome of pediatric asthma at asthma clinic of Phimai hospital. Nakhon Racth Med Bull 2017;39(3):173-82. (in Thai).
Butarach K , Ruangklin C. Development of case management model for the care of person with asthma at Chiangyuen hospital, Mahasarakham province. Mahasarakham Hospital Journal 2016;13(1):18-27. (in Thai).
Wathanachaporn P. Asthma severity, family management behavior and asthma symptom control in children among family caregivers. Nursing Journal 2016;43(2):1-12. (in Thai).
