ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจและการออกกำลังกายแบบต้านแรงต่อภาวะเปราะบางของผู้สูงอายุในชุมชน
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลองแบบศึกษาสองกลุ่ม วัดผลก่อนและหลังการทดลอง (Two group pretest-posttest design) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจและการออกกำลังกายแบบต้านแรงต่อภาวะเปราะบางของผู้สูงอายุในชุมชน กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ทั้งเพศชายและหญิงที่มีภาวะเปราะบาง อาศัยอยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งใน กรุงเทพมหานคร จำนวน 44 คน แบ่งเป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง กลุ่มละ 22 คน ทำการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการจับคู่ในด้าน เพศ อายุ และค่าดัชนีมวลกาย โดยกลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจตามแนวคิดของ Zimmerman และการออกกำลังกายแบบต้านแรงมาใช้ ในขณะที่กลุ่มควบคุมจะได้รับการพยาบาลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง คือ โปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจและการออกกำลังกายแบบต้านแรงโดยเลือกใช้ดัมเบลล์เป็นอุปกรณ์ในการออกกำลังกาย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบทดสอบสมรรถภาพสมองเบื้องต้นฉบับภาษาไทย แบบประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน แบบสอบถามภาวะเปราะบาง ระยะเวลาดำเนินการวิจัยจนถึงเก็บรวบรวมข้อมูลสิ้นสุด 5 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติทดสอบที ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ผู้สูงอายุกลุ่มทดลองหลังได้รับโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจและการออกกำลังกายแบบต้านแรงมีภาวะเปราะบางลดลงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2. ผู้สูงอายุที่ได้รับโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจและการออกกำลังกายแบบต้านแรงมีภาวะเปราะบางลดลงกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ผลการศึกษาครั้งนี้มีข้อเสนอแนะในการนำโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจและการออกกำลังกายแบบต้านแรงไปใช้ในการดูแลผู้สูงอายุที่ยังไม่เกิดภาวะเปราะบางเพื่อป้องกันการเกิดภาวะเปราะบางในระยะเริ่มแรก
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
2. Ministry of Public Health Policy. Conclusion of key statistics BE 2556 (statistical Thailand 2013). Bangkok: Office of Veterans Affairs; 2013. (in Thai).
3. Fried LP, Tangen CM, Walston J, Newman AB, Hirsch C, Gottdiener J, et al. Frailty in older adults evidence for a phenotype. J Gerontol A Biol Sci Med Sci 2001; 56(3):M146-56.
4. Kojima G. Prevalence of frailty in nursing homes: a systematic review and meta- analysis. J Am Med Dir Assoc 2015;16(11):940-5.
5. Inthanu N. Frailty: situational analysis in communities. [Master’s Thesis, Faculty of Nursing]. Walailak University; 2012. (in Thai).
6. Jaidee S. A study of frailty of elderly in Bangkok community. Royal Thai Navy Medical Journal 2017;44(3):117-35. (in Thai).
7. Rockwood K, Andrew M, Mitnitski A. A comparison of two approaches to measuring frailty in elderly people. J Gerontol A Biol Sci Med Sci 2007;62(7):738-43.
8. Zimmerman MA. Empowerment theory: psychological, organization and community levels of analysis. In: Rappaport J, Seidman E, editors. Handbook of community psychology. New York: Plenum; 2000.
9. Espinoza S, Walston JD. Frailty in older adults: insights and intervention. Cleve Clin J Med 2005;72(12):1105-12.
10. Panyoyai P. Aerobic exercise for the elderly. Journal of Nursing Health 2012; 35(2):140-8. (in Thai).
11. Haskell WL, Lee IM, Pate RR, Powell KE, Blair SN, Franklin BA, et al. Physical activity and public health: updated recommendation for adults from the American College of Sports Medicine and the American Heart Association. Med Sci Sports Exerc 2007;39(8):1423-34.
12. Rogers ME, Sherwood HS, Rogers NL, Bohlken RM. Effects of dumbbell and elastic band training on physical function in older inner-city African-American women. Women Health 2002;36(4):33-41.
13. Bunkueang P. Clinical practice guideline for dementia. Bangkok: Institute of Neurology, Department of Medical Services, Ministry of Public Health; 2003. (in Thai).
14. Krajangpho S. Effects of empowering programs on foot heal and blood sugar behavior of elderly diabetes mellitus at risk for foot ulcer. [Master’s Thesis, Faculty of Nursing]. Chulalongkorn University; 2006. (in Thai).
15. Jitaphankul S. Principles of geriatric medicine. Bangkok. Chulalongkorn University press; 2001.(in Thai)
16. Parndee S. The effects of a power-building program on a group process: caring for the weight of adolescents with overweight. [Master’s Thesis, Faculty of Nursing]. Chulalongkorn University; 2007. (in Thai).
