การเปรียบเทียบประสิทธิผลของการใช้วิธีป้องกันการพลัดตกหกล้มโดยใช้แบบประเมินแชมป์ร่วมกับการสอนสาธิตและเตียงไร้ขา กับแบบประเมินฮัมตี้ดัมตี้ร่วมกับการใช้สื่อประสมและเตียงสัญญาณเตือน หอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า
Main Article Content
บทคัดย่อ
อุบัติการณ์ผู้ป่วยเด็กพลัดตกหกล้มมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลองเพื่อศึกษาผลของการป้องกันการพลัดตกหกล้มโดยใช้แบบประเมินฮัมตี้ดัมตี้ ร่วมกับสื่อประสมและเตียงสัญญาณเตือน ในกลุ่มผู้ป่วยเด็กแรกเกิด ถึง 15 ปี ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลในหอผู้ป่วยกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า จำานวน 280 ราย เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมอย่างละ 140 ราย โดยจับคู่ให้กลุ่มทดลองมีคุณสมบัติเหมือนกับกลุ่มควบคุมในด้านอายุ การวินิจฉัยโรค ประวัติการพลัดตกหกล้ม เพศ และการได้รับยาระงับความรู้สึก กลุ่มตัวอย่าง ทั้งสองกลุ่มได้รับการประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มในผู้ป่วยเด็กตั้งแต่แรกรับ โดยกลุ่มควบคุมใช้แบบประเมินแชมป์ (CHAMPS) ร่วมกับการสอนสาธิตและเตียงไร้ขา กลุ่มทดลองใช้แบบประเมินฮัมตี้ดัมตี้ (Humpty Dumpty) ร่วมกับการใช้สื่อประสมและเตียงสัญญาณเตือน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ดูแล และบันทึกอุบัติการณ์การพลัดตกหกล้มของผู้ป่วยเด็กขณะอยู่โรงพยาบาลที่คณะผู้วิจัยพัฒนาขึ้น โดยผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำานวน 5 ท่าน วิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างทั้งสองโดยใช้สถิติ Independent t-test
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยเด็กในกลุ่มทดลองมีอัตราการพลัดตกหกล้ม 0.00 ต่อ 1,000 วันนอนและมีระดับความพึงพอใจของผู้ดูแลเท่ากับ 4.36 (SD = 0.51) ส่วนผู้ป่วยเด็กในกลุ่มควบคุมมีอัตราการพลัดตกหกล้ม 5.55 ต่อ 1,000 วันนอน และมีระดับความพึงพอใจของผู้ดูแลเท่ากับ 3.94 (SD = 0.48) ความพึงพอใจของผู้ดูแลในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำาคัญทางสถิติที่ระดับ .05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
2. Chivanon N. Accidents in children: situation and prevention. The Journal of Faculty of Nursing Burapha University 2016;24(3):85-93. (in Thai)
3. Hill-Rodriguez D, Messmer PR, Williams PD, Zeller RA, Williams AR, Wood M, et al. The Humpty Dumpty fall scale: a case-control study. J Spec Pediatr Nurs 2009;14(1):22-32
4. วราภรณ์ กิจสวัสดิ์. การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ตัวประกอบของจำนวนนับของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อประสม. [วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาการประถมศึกษา]. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร; 2555
5. Hill RD, Messmer PR, Wood ML. Humpty Dumpty sat on a wall-developing a pediatric falls prevention program and scale. Paper presented at the 17th Annual Society of Pediatric Nurses 2009;147(2):125-33
6. Razmus I, Davis D. The epidemiology of falls in hospitalized children. Pediatr Nurs 2012;38(1):31-5
7. คณะทำงานพัฒนาคุณภาพการพยาบาลเขต 13. ตัวชี้วัดความเสี่ยงทางคลินิก. [อินทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2559]. แหล่งที่มา: http://www.kkpho.com
8. จริยา เหนียนเฉลย. เทคโนโลยีการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ส่งเสริมกรุงเทพ; 2546
9. Khongim T, Wichiencharoen K, Sriussadaporn P, Seeda R. The Effect of an education program on knowledge and preventive behavior for mother of children at risk for asthma. J Nurs Sci 2009;27(3) Suppl 2:48-56. (in Thai)
10. Hiramatsu T. On some dimension formula for automorphic forms of weight one. Nagoya Math J 1987;105:169-86
11. สมจิต หนุเจริญกุล. การดูแลตนเอง ศาสตร์และศิลปะทางการพยาบาล. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร: วีเจพริ้นติ้ง; 2544
12. Kramlich DL, Dende D. Development of a pediatric fall risk and injury reduction program. Pediatr Nurs 2016;42(2):77-8