ผลของการให้ข้อมูลและการปฏิบัติสมาธิบำบัด SKT ต่อความเครียดของผู้ดูแลในครอบครัว ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้าน

ผู้แต่ง

  • ศิริพร เผ่าภูธร โรงพยาบาลศรีสมเด็จ

คำสำคัญ:

การให้ข้อมูล, การปฏิบัติสมาธิบำบัดSKT, ความเครียด, ผู้ดูแล, ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองระยะเปลี่ยนผ่าน

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาผลของการให้ข้อมูลและการปฏิบัติสมาธิบำบัด SKT ต่อความเครียดของผู้ดูแลในครอบครัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเปลี่ยนผ่านจากโรงพยาบาลสู่บ้านกลุ่มตัวอย่างคือผู้ดูแลที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปในครอบครัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่ที่ได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่แรกรับนอนโรงพยาบาลและภายหลังจำหน่ายจากโรงพยาบาล 8 สัปดาห์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 - กรกฎาคม 2561 จำนวน 44 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอศรีสมเด็จ  จังหวัดร้อยเอ็ด

วัสดุและวิธีการวิจัยการวิจัยกึ่งทดลองนี้เป็นการทดลองแบบหนึ่งกลุ่มประเมินความเครียดของผู้ดูแลก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรม  โดยการให้ข้อมูลและการฝึกปฏิบัติสมาธิบำบัด เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์

วิธีดำเนินการวิจัย : กลุ่มตัวอย่างเป็นญาติ ผู้ดูแลโดยผ่านเกณฑ์คัดเข้าจำนวน 44 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย : ประกอบด้วย แผนการให้ข้อมูลและแผนการฝึกปฏิบัติสมาธิบำบัดSKT2 และ 3 ปรับใช้จาก รศ. สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรีประกอบด้วย 1.การให้ข้อมูล 2.การปฏิบัติสมาธิบำบัดSKTประกอบด้วย การฝึกหายใจ การใช้เทคนิคผ่อนคลายประสานกายประสานจิต ซึ่งผ่านการตรวจสอบความเหมาะสมของการทำกิจกรรมและความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ  3  ท่าน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วยแบบบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วยและผู้ดูแลในครอบครัวของ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเปลี่ยนผ่าน แบบประเมินและวิเคราะห์ความเครียดสำหรับประชาชนไทย กรมสุขภาพจิตและแบบประเมินความพึงพอใจ ได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือความตรงตามเนื้อหาและหาความเที่ยงหรือความเชื่อมั่นได้ค่าสัมประสิทธิ์อัลฟ่าครอนบาคเท่ากับ .87 วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบค่าที (t-test).

ผลการวิจัย : ผู้ดูแลในครอบครัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเปลี่ยนผ่านมีคะแนนความเครียดลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ(p< 0.05) และความพึงพอใจอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด

สรุปและข้อเสนอแนะ : การให้ข้อมูลและการปฏิบัติสมาธิบำบัด SKTสามารถลดความเครียดของผู้ดูแลในครอบครัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเปลี่ยนผ่านได้และส่งผลให้เกิดความพึงพอใจ ถือได้ว่าเป็นบทบาทอิสระในการคิดบทบาทอิสระในการทำโดยอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาเป็นพื้นฐานในการสร้างเสริมสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เสนอแนะให้มีการจัดบริการสุขภาพผู้ป่วยและผู้ดูแลทั้งในโรงพยาบาลและในชุมชนเพื่อส่งเสริมการดูแลตนเองของญาติ  ทีมสหสาขาวิชาชีพควรมีการให้ข้อมูล เสริมพลัง ติดตามสนับสนุนญาติ ผู้ดูแลในครอบครัวอย่างต่อเนื่องทั้งระยะเปลี่ยนผ่าน/ระยะกลาง ระยะยาวเพื่อลดความเครียดให้สามารถดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและโรคหรือภาวะอื่นๆในระยะเปลี่ยนผ่านได้อย่างเหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

References

กนกพรรณ วัชระศักดิ์ศิลป์. การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองแบบครบวงจร. วารสารสมาคมโรคหลอดเลือดสมองไทย. 2558;14(1) :23-34.

Hanchaiphiboolkul S, Poungvarin N, Nidhiandana S, et al. Prevalences of stroke and stroke risk factors in Thailand:Thai EpidemiokogicStrokeStudy. J Med Assoc Thai. 2011;94(4):427-36.

กลุ่มงานหลักประกันสุขภาพยุทธศาสตร์และสารสนเทศทางการแพทย์. . รายงานบริการผู้ป่วยแยกตามโรค/ รายโรค: 2560.

เชิดชาย ชยวัฑโฒ. การศึกษาภาวะซึมเศร้าในผู้ป่วยโรคอัมพาตหลอดเลือดสมอง. วารสารแพทย์เขต 4-5. 2559;35(1):14-27.

จอม สุวรรณโณ. ความสามารถของผู้ดูแลหลักในการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดสมองในระยะเปลี่ยนผ่านก่อนจำหน่ายจากโรงพยาบาล. วารสารสภาการพยาบาล. 2546;18(3):1-19.

บุญมี ภูด่านงัว. ทฤษฎีการเปลี่ยนผ่านการประยุกต์ใช้ในการพยาบาลครอบครัว. วารสารสภาการพยาบาล. 2556;28(4):107-20.

Naylor SG. An interpretation of family within Orem’s general theory of nursing. Nursing Science Quarterly. 1989;2(3):131–37.

บวรลักษณ์ ทองทวีและคณะ. ประสบการณ์ของสมาชิกครอบครัวในการดูแลบุคคลที่เจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง : การศึกษาเชิงปรากฏการณ์วิทยา.วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์. 2561;38(3):179-91.

สมาธิบำบัด SKT ทางเลือกใหม่ไร้โรค[อินเตอร์เน็ต] [เข้าถึงเมื่อ 29 มกราคม 2560] เข้าถึงได้จาก http://synergyjiapan.com

วรัญญากรณ์ โนใจ. ผลการปฏิบัติสมาธิบำบัดเพื่อการเยียวยาแบบSKT ต่อระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน.วารสารพยาบาลทหารบก. 2561;19(3):175-84.

รสรณ์รดี ภาคภากร. ความชุกและปัจจัยที่สัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้าของผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่พาผู้ป่วยมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ [วิทยานิพนธ์]. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรมหาวิทยาลัย; 2557.

กองการพยาบาล. แบบฟอร์มสำรวจความพึงพอใจ ชุดทื่ 2 ผู้รับบริการที่บ้าน [อินเตอร์เน็ต]. นนทบุรี: 2562 [เข้าถึงเมื่อ 28 มีนาคม 2562]. เข้าถึงได้จาก: http://phn.bangkok.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=656%3A-

อรอุมา ปัญญโชติกุล, สุธินา เศษคง, สุขุมาภรณ์ ศรีวิศิษฐ์. ผลของสมาธิบำบัด SKT ในการลดระดับความดันโลหิตของผู้ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลสิเกา จังหวัดตรัง. 2560;4(2):245-55.

รสรินทร์เกรย์, สาลินี เทพสุวรรณ์. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดของผู้ดูแลผู้สูงอายุ. วารสารสงขลานครินทร์ ฉบับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. 2557;20(1):205-17.

ภาวิณี พรหมบุตร. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความเครียดในญาติผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่บ้าน. วารสารรามาธิบดีพยาบาลสาร. 2557;20(1):82-96.

นงลักษณ์ บุญช่วย. ผลของการให้ความรู้และฝึกสมาธิบำบัดต่อความไม่สุขสบาย ความปวดและความเครียดของผู้ป่วยมะเร็งทางเดินน้ำดีที่ได้รับการดูแลระยะเปลี่ยนผ่าน อำเภอศรีสมเด็จ [อินเตอร์เน็ต] นนทบุรี: 2559 [เข้าถึงเมื่อ 5 พฤษภาคม 2559]. เข้าถึงได้จาก http://www.thaicam.go.th.

นิชธิมา ศรีจำนงค์และคณะ. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมการรับรู้ความสามารถตนเองของญาติผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่บ้าน.วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ. 2553;26(1):28-43.

นันทกาญจน์ ปักษี. ผลของโปรแกรมดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง.รามาธิบดีพยาบาลสาร. 2553;26(1):28-43.

ประชุมพร กวีกรณ์และคณะ. รูปแบบการใช้สมาธิบำบัด SKT โดยครู ก เพื่อควบคุมความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจังหวัดยโสธร.วารสารสมาคมเวชสาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย. 2559;6(3):221-32.

Downloads

เผยแพร่แล้ว

2020-10-01 — Updated on 2022-03-15

Versions