ผลของการใช้โปรแกรมสื่อสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ในหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง ห้องฝากครรภ์ โรงพยาบาลลำปาง

บทคัดย่อ

          การวิจัยแบบกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความรอบรู้ด้านสุขภาพในหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการคลอดก่อนกำหนด ก่อน – หลัง ใช้โปรแกรม 2) ศึกษาอัตราการตั้งครรภ์ต่อจนอายุครรภ์ 34 สัปดาห์ 3) ศึกษาความพึงพอใจของหญิงตั้งครรภ์ กลุ่มตัวอย่าง คือ หญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการคลอดก่อนกำหนด อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป จำนวน 50 ราย คัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัย 4 ชุด ได้แก่ 1) โปรแกรมสื่อสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ 2) แบบประเมินการปฏิบัติตัวของหญิงตั้งครรภ์ 3) แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพในหญิงตั้งครรภ์ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของหญิงตั้งครรภ์ ตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน โปรแกรมสื่อสุขภาพ ได้ค่า CVI = 0.80 ชุดที่ 2-3 และ 4 ได้ค่า IOC รายข้อ 0.67 – 1.00 ความเชื่อมั่นของเครื่องมือชุดที่ 2-3 ใช้สูตรคำนวณ KR-20 ได้ค่า 0.74 กับ 0.80 ตามลำดับ ชุดที่ 4 ใช้วิเคราะห์สัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาค ได้ค่า 0.82 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติเปรียบเทียบ Paired t-test
          ผลการศึกษา (1) คะแนนเฉลี่ยความรอบรู้ด้านสุขภาพในหญิงตั้งครรภ์ ก่อนใช้โปรแกรม เท่ากับ 10.76 (SD.= 1.51) และหลังใช้โปรแกรม เท่ากับ 12.94 (SD.= 1.91) เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) (2) อัตราการตั้งครรภ์ต่อจนอายุครรภ์ 34 สัปดาห์ เท่ากับร้อยละ 94.00 (3) คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจของหญิงตั้งครรภ์ ระดับมากที่สุด (mean = 4.56, SD.= 0.22) การใช้โปรแกรมสื่อสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้หญิงตั้งครรภ์ มีความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด และสามารถตั้งครรภ์ต่อจนอายุครรภ์ 34 สัปดาห์ในอัตราที่สูง จึงควรนำโปรแกรมสื่อสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนด มาใช้ในการให้บริการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการคลอดก่อนกำหนดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นประโยชน์ต่อภาวะสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ ให้มีอายุครรภ์ครบกำหนด หรือจนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ขึ้นไป