สถานการณ์พัฒนาการเด็กก่อนวัยเรียนในชุมชนกึ่งเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น : กรณีศึกษาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
คำสำคัญ:
พัฒนาการ, เด็กก่อนวัยเรียน, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์พัฒนาการเด็กก่อนวัยเรียน ในบริบทชุมชนกึ่งเมือง ในจังหวัดขอนแก่น กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 ถึง 5 ปี จำนวน 180 คน ที่ศึกษาในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เก็บข้อมูลระหว่างเดือน กรกฎาคม ถึง กันยายน 2567 เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล และคู่มือการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย Developmental Surveillance and Promotion Manual (DSPM) ของกระทรวงสาธารณสุข สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ และร้อยละ
ผลการวิจัยพบว่า เด็กก่อนวัยเรียนส่วนใหญ่มีพัฒนาการสงสัยล่าช้า ร้อยละ 55 และมีพัฒนาการสมวัยเพียงร้อยละ 45 โดยพบว่าเพศชายมีพัฒนาการไม่ผ่านมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 60.20 เมื่อจำแนกพัฒนาการเด็กที่ไม่ผ่านเป็นรายด้าน พบว่า เด็กอายุ 3 ปี และ 4 ปี ด้านที่ผ่านน้อยที่สุด คือ ด้านการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและสติปัญญา ร้อยละ 57.81 และ ร้อยละ 38.89 ตามลำดับ และเด็กอายุ 5 ปี ด้านที่ผ่านน้อยที่สุด คือ ด้านการเข้าใจภาษา ร้อยละ 26.92 ดังนั้นการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละช่วงอายุ ผู้ปกครองและผู้ดูแลเด็กก่อนวัยเรียนควรมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมพัฒนาการในด้านกล้ามเนื้อมัดเล็กและด้านภาษาในแต่ละช่วงอายุให้เหมาะสม นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการอบรมครูและผู้ดูแลเด็กเพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับการประเมินพัฒนาการและการส่งเสริมพัฒนาการเด็กในแต่ละช่วงวัยและสร้างความร่วมมือกับผู้ปกครองในการสนับสนุนพัฒนาการของเด็กอย่างต่อเนื่องที่บ้าน
เอกสารอ้างอิง
อรอุมา ขำวิจิตร์, รวยวรรณ สันติเวส. ความคิดสร้างสรรค์ผ่านการเล่นสร้างสรรค์แบบไม่มีโครงสร้าง. วารสารวิชาการนวัตกรรมการบริหารการศึกษา [อินเทอร์เน็ต]. 2565;1(2):20-9. เข้าถึงได้จาก: https://so09.tci-thaijo.org/ index.php/EAIJ/article/view/783
เพชรรัตน์ บุญเสนอ, สุนีย์ ภิรมย์ประเมศ. กระบวนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้แบบโครงงานเป็นฐานที่มีผลต่อทักษะการคิดแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยชั้นคละโรงเรียนรุ่งอรุณ. Journal of Graduate School Sakon Nakhon Rajabhat University [อินเทอร์เน็ต]. 2563;17(79):141-9. เข้าถึงได้จาก:https://so02.tci-thaijo.org/ index.php/SNGSJ/article/view/233028
World Health Organization. Developmental difficulties in early childhood: prevention, early identification, assessment and intervention in low- and middle-income countries: a review [อินเทอร์เน็ต]. 2012. เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/publications/i/item/9789241503549
จินตนา พัฒนพงศ์ธร. รายงานการศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็กปฐมวัยไทย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2560. นนทบุรี: กลุ่มสนับสนุนวิชาการและการวิจัย สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย; 2561.
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์. รายงานการพัฒนาเด็กและเยาวชน ประจำปี 2564. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์; 2565.
เปรมยุดา นาครัตน์, สุวณีย์ จอกทอง, ถาวร พุ่มเอี่ยม. ผลการดำเนินงานส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยด้วยคู่มือเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในเขตสุขภาพที่ 11. วารสารศาสตร์สุขภาพและการศึกษา. 2021;1(1):40-9.
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ส่งเสริมแนวทางการเลี้ยงดูพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2561.
สิตา ฤทธิ์ธาธรรม, ยุทธนา ศิลปรัสมี, วีณา ธิติประเสริฐ, เสาวลักษณ์ วงค์นาถ. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพัฒนาการสงสัยว่าล่าช้า: บทบาทของครูและศูนย์เด็กเล็กในการกระตุ้นพัฒนาการของเด็กปฐมวัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช. ใน: การประชุมวิชาการระดับชาติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาภาคใต้ ครั้งที่ 5; 2563; นครศรีธรรมราช.
วรรธนันท์ ทินวัง, ชัชฎา ประจุดทะเก, อัญชลี ภูมิจันทึก, ประดับ ศรีหมื่นไวย. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพัฒนาการด้านภาษาเด็กปฐมวัยในเขตสุขภาพที่ 9. ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา.
ดลจรัส ทิพย์มโนสิงห์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพัฒนาการของเด็กปฐมวัยที่มารับบริการที่ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนกรุงเทพมหานคร. วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ [อินเทอร์เน็ต]. 2565;18(1):51-68. เข้าถึงได้จาก: https://he02.tci-thaijo.org/ index.php/JCP/article/view/256690
นิภาพร โพธิ์ศรี. สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่มีความสัมพันธ์ต่อการเกิดพัฒนาการล่าช้าในเด็กก่อนวัยเรียนที่เข้ารับการรักษาในคลินิกพัฒนาการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด. ศรีนครินทร์เวชสาร. 2566;38(2):213-24.
สุพัตรา บุญเจียม. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพัฒนาการเด็กปฐมวัย เขตสุขภาพที่ 7. วารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น. 2565;14(1):40-60.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความนี้ลงตีพิมพ์ในวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย ผลการวิเคราะห์ตลอดจนข้อเสนอแนะเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น หรือกองบรรณาธิการแต่อย่างใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
