การพัฒนาโปรแกรมสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุชมรมสร้างเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น
คำสำคัญ:
สมรรถภาพทางกาย, โปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพ, ผู้สูงอายุบทคัดย่อ
การพลัดตกหกล้มปัญหาที่สำคัญในผู้สูงอายุ ป้องกันได้ด้วยการชะลอความเสื่อมถอย การศึกษานี้เป็นการวิจัยและพัฒนา ใช้รูปแบบการวิจัยแบบชุมชนมีส่วนร่วม วิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและประเมินผลโปรแกรมสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น จำนวน 30 คน ระยะเวลา 8 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบสมรรถภาพทางกายก่อนและหลังการใช้โปรแกรมฯ ด้วยสถิติ Paired t-test
ผลการศึกษาพบว่าโปรแกรมสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วยกิจกรรมสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายรายบุคคลและรายกลุ่ม ระยะเวลา 8 สัปดาห์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ อยู่ในช่วงอายุ 70-79 ปี ร้อยละ 63.3 (Mean = 71.39, S.D. = 4.7) เป็นเพศหญิง ร้อยละ 51.6 สถานภาพสมรสคู่ ร้อยละ 66.7 ระดับการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป ร้อยละ 70.0 ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกษียณ ร้อยละ 63.3 มีโรคประจำตัวร้อยละ 56.7 ดัชนีมวลกายอยู่ในช่วง 18.5-22.9 kg./m2 ร้อยละ 36.7 เมื่อเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบสมรรถภาพทางกายก่อนและหลังการใช้โปรแกรมฯ พบว่า การทดสอบ TUGT, ความแข็งแรงและความทนของกล้ามเนื้อ และความอดทนของระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value<0.05)
การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายในผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการหกล้ม ควรมีการปรับใช้ให้เข้ากับบริบทพื้นที่และกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเน้นกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการพัฒนาต่อยอดการส่งเสริมสุขภาพ ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล. Research Brief การเข้าถึงระบบบริการสังคมของประชากรในครัวเรือนก่อนวัยสูงอายุและผู้สูงอายุ ที่มีรูปแบบการอยู่อาศัยต่างกันเพื่อนำไปสู่แนวทางการสนับสนุนการบริการที่เหมาะสม. [Internet]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 12 สิงหาคม 2567] เข้าถึงได้จาก https://ipsr.mahidol.ac.th/post_research/research-brief
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. การคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2553-2583 (ฉบับปรับปรุง). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ; 2562.
มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ. ๒๕๖๔. [Internet]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 12 สิงหาคม 2567] เข้าถึงได้จากhttps://www.dop.go.th/download/statistics.
คณะพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.). คู่มือ เรียนรู้เข้าใจวัยสูงอาย. กรุงเทพฯ: บริษัท ยืนยงการพิมพ์ จำกัด; 2561.
จตุพร เพิ่มทรัพย์ทวี. การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ. นครปฐม: ศูนย์ส่งเสริมและฝึกอบรมการเกษตรแห่งชาติ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2564.
กรมควบคุมโรค. ผู้สูงวัยปลอดภัยไม่หกล้มช่วง COVID-19. [Internet]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 12 สิงหาคม 2567] เข้าถึงได้จาก http://www.thaincd.com/2016/media.php?tid=&gid=1-015
กรมควบคุมโรค. ข้อมูลการพลัดตกหกล้ม (W00 - W19)ในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป. [Internet]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 12 สิงหาคม 2567] เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th/dip/news.php?news=23567
Chow SC, Shao J & Wang H. Sample Size Calculations in Clinical Research. 2nd ed. Chapman & Hall/CRC; 2003.
จรีวรรณ ทองประ. การเปรียบเทียบผลของโปรแกรมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุเพื่อป้องกันการล้มโรงพยาบาลท่าหลวง จังหวัดลพบุรี. วารสารโรงพยาบาลมหาสารคาม2567;21(1):110-121.
กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. การประเมินสมรรถภาพทางกาย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการหกล้มในผู้สูงอายุ. [Internet]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 12 สิงหาคม 2567] เข้าถึงได้จาก https://multimedia. anamai.moph.go.th/oawoocha/2023/02/ebook12_ compressed.pdf
Pender, N. J. Health promotion in nursing practice (3rd ed.). Stamford, CT: Appleton & Lange. 1996.
จิรวุฒิ กุจะพันธ & พัชราวรรณ จันทรเพชร. ผลของโปรแกรมการออกกำลังกายด้วยกะลายางยืดตอการทรงตัวและการเคลื่อนไหวของผู้สูงอายุ อำเภอโพธิ์ชัย จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุขและการศึกษา 2562; 20(3): 119-131.
วิมล ปักกุนนัน และรุจิรา ดวงสงค์. ผลของโปรแกรมส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำหรับผู้สูงอายุ โดยประยุกต์แนวคิดความรอบรู้กิจกรรมทางกาย คลินิกส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2563; 13(4): 81-93.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความนี้ลงตีพิมพ์ในวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย ผลการวิเคราะห์ตลอดจนข้อเสนอแนะเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น หรือกองบรรณาธิการแต่อย่างใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
