การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงชนิด Diabetic ketoacidosis (DKA) : กรณีศึกษา ในหอผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลขอนแก่น
คำสำคัญ:
การพยาบาล, ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงชนิด Diabetic ketoacidosis, การประเมินภาวะสุขภาพตามกรอบ FANCAS, การศึกษารายกรณีบทคัดย่อ
การศึกษาแบบรายกรณี (Case study) ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลกระบวนการ พยาบาลในการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงชนิด Diabetic ketoacidosis (DKA) และเป็นแนวทางในการวางแผนการพยาบาลผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ชนิด DKA จำนวน 2 รายที่เข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม 4 โรงพยาบาลขอนแก่น ระหว่าง กันยายน 2565- ธันวาคม 2566 ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสังเกต การสอบถาม ผู้ป่วยและญาติ เก็บรวบรวมข้อมูลจากเวชระเบียนผู้ป่วยใน เปรียบเทียบอาการ อาการแสดง การรักษา โดยศึกษาการดูแลรักษาเพื่อให้พ้นระยะวิกฤติ ผลการศึกษาพบว่าผู้ป่วยทั้ง 2 รายมีปัญหาสุขภาพเพื่อให้การพยาบาลที่คล้ายกันคือ 1) มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจากการขาดประสิทธิภาพการทำงานของอินชูลินในร่างกายและมี ภาวะเลือดเป็นกรด 2) มีภาวะไม่สมดุของน้ำและเกลือแร่เนื่องจากมีการขับปัสสาวะมากผิดปกติ 3) เสี่ยงต่อการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจากการได้รับยาลดระดับน้ำตาล 4) เสี่ยงต่อภาวะพร่อง ออกซิเจนจากประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลงเนื่องจากการมีกรดในร่างกาย 5) แบบแผน การไอขับเสมหะไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากใส่ท่อช่วยหายใจ 6) เสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร เนื่องจากได้รับพลังงานไม่เพียงพอ 7) ไม่สามารถสื่อสารทางวาจาเนื่องจากคาท่อหลอดลมคอ 8) ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองลดลงเนื่องจากเจ็บป่วยวิกฤต 9) ผู้ป่วยวิตกกังวลเกี่ยวกับ การเจ็บป่วย 10) แบบแผนการดำรงกิจวัตรประจำวันเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการเจ็บป่วยวิกฤต ดังนั้นกระบวนการพยาบาลที่สำคัญในระยะนี้คือ 1. การดูแลให้ได้รับอินซูลินฉีดเข้าสู่ร่างกาย 2. การดูแลให้สารน้ำทดแทนอย่างเพียงพอ 3. การเฝ้าระวังภาวะแทรก เช่น ภาวะขาดน้ำ, electro- lyte imbalance เป็นต้น หากผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น
References
จิราภรณ์ ชิณโสม.การพยาบาลผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงชนิด Diabetic Ketoacidosis(DKA): กรณีศึกษา.ชัยภูมิเวชสาร. 2563; 40: 2. 115-132
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2566. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ. ศรีเมืองการพิมพ์จำกัด; 2566. 137-139
ภานุพงษ์ รัตนวรรณี.ภาวะเลือดเป็นกรดจากเบาหวาน(DKA) ในผู้ป่วยผู้ใหญ่โรงพยาบาลเซกา.วารสารโรงพยาบาลนครพนม.2564; 8:2
https://he01.tci-thaijo.org/index.php/nkpjournal_9/article/view/252578/170528
กรมควบคุมโรคกองโรค.ไม่ติดต่อรายงานสถานการณ์โรค NCDs เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องพ.ศ.2562. พิมพ์ครั้งที่ 1 สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์. 2562
โรงพยาบาลขอนแก่น. สรุปผลการดำเนินงานสาธารณสุขเครือข่ายบริการสุขภาพ CUP โรงพยาบาลขอนแก่น รอบ 1 ปีงบประมาณ 2566. 9-12.
งานสถิติเวชระเบียนโรงพยาบาลขอนแก่น.สรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2565-2566. ขอนแก่น: กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลขอนแก่น.
สุนิสา พลนอก. กรณีศึกษา : การพยาบาลผู้ป่วย Diabetic ketoacidosis. โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา. 2563 https://www.mnrh.go.th/pdf_file_academic/3011202001_RESEARCH.pdf
สุจิตรา ลิ้มอำนวยลาภ. การประเมินผู้ป่วยระยะวิกฤต: FANCAS ใน สุจิตรา ลิ้มอำนวยลาภ, กาญจนา สิมะ
จารึก, เพลินตา ศิริปการและชวนพิศ ทำนอง, บรรณาธิการ. การปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยผู้ใหญ่ระยะวิกฤต.
พิมพ์ครั้งที่ 7 ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา; 2556. 1-32
จันทร์ทิรา เจียรณัย, อาทินุช เบญจะรักษ์, กนกนาถ กิ่งสันเทียะ, สุรางคนา พรหมมาศ. การพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตที่ใช้เครื่องช่วยหายใจ: ทฤษฎีการดูแลตนเองและการประยุกต์ใช้ทฤษฎีระบบพยาบาล. วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล. 2565; 28: 1-12
https://he02.tci-thaijo.org/index.php/Jolbcnm/article/view/255755/175895
กันตภณ เชื้อฮ้อ. แนวทางการส่งเสริมการจัดการสุขภาพตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี. 2565; 1: 127-132 https://so03.tci-thaijo.org/index.php/ajpbru/article/view/257678/175186
จันทร์ทิรา เจียรณัย, ณัฐฐิตา เพชรประไพ, ศรัญญา จุฬารี, วาริธร ประวัติวงศ์, รวีวรรณ พงษ์พุฒิพัชร และ สิริกร ขาวบุญมาศิริ. การดูดเสมหะแบบระบบปิดในผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ: การทบทวนจากหลักฐานเชิงประจักษ์. ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์. 2561; 8: 82-93
https://he01.tci-thaijo.org/index.php/bcnsurin/article/view/166954/120502
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความนี้ลงตีพิมพ์ในวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย ผลการวิเคราะห์ตลอดจนข้อเสนอแนะเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารศูนย์อนามัยที่ 7 ขอนแก่น หรือกองบรรณาธิการแต่อย่างใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง