ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับภาวะสุขภาพของครอบครัว
คำสำคัญ:
ภาวะสุขภาพครอบครัว แนวคิดทฤษฎีของไฟร์ดแมน การรับงานดัดเหล็กเส้นไปทำที่บ้าน สิ่งแวดล้อมในการทำงาน family health status, Friedman’s concept theory, home-based steel pipe work, working environmentบทคัดย่อ
ครอบครัวแรงงานนอกระบบในกลุ่มผู้รับงานไปทำที่บ้านได้เผชิญกับสิ่งคุกคามทางสุขภาพและขาดหลัก ประกันความมั่นคงในงาน ดังนั้น การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพรรณนาและหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์และสามารถ ทำนายภาวะสุขภาพครอบครัวจากผู้รับงานดัดเหล็กเส้นไปทำที่บ้านจำนวน 211 ครอบครัว ตำบลโตนด อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 โดยการสัมภาษณ์ตามแบบสอบถาม และประเมินสิ่งแวดล้อม การทำงาน การวิเคราะห์ทางสถิติใช้สถิติพรรณนา การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และทดสอบ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะสุขภาพครอบครัวโดยสมการถดถอยเชิงพหุคูณ
ผลการวิจัย พบว่า ร้อยละ 70.6 มีคะแนนภาวะสุขภาพครอบครัวอยู่ในระดับสูง ลักษณะงานมีการยกแบก จูงลากของหนัก ร้อยละ 48 ของคนงานใช้เวลาทำ�งานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน ความปลอดภัยของสิ่งแวดล้อมในการทำงาน อยู่ในระดับตํ่า (ร้อยละ 82.9) ความเพียงพอของรายได้ และสวัสดิการสุขภาพที่ต่างกันจะมีภาวะสุขภาพครอบครัว แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.05) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับภาวะสุขภาพครอบครัว อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.05) ได้แก่ จำนวนสมาชิกครอบครัว รายได้ครอบครัว และสิ่งแวดล้อมในการ ทำงาน สำหรับปัจจัยที่มีความสัมพันธ์เชิงลบกับภาวะสุขภาพครอบครัวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.01) ได้แก่ ระยะเวลาทำงานต่อวัน และพบว่าสิ่งแวดล้อมด้านกายภาพอธิบายความแปรปรวนของภาวะสุขภาพครอบครัว ได้ดีที่สุด ร่วมกับด้านจิตสังคม ความเพียงพอของรายได้ และระยะเวลาทำงานต่อวัน สามารถทำนายภาวะสุขภาพ ครอบครัวผู้รับงานดัดเหล็กเส้นไปทำที่บ้านได้ ร้อยละ 39
ข้อเสนอแนะ ควรมีการประเมินและระบุปัจจัยเสี่ยงของครอบครัวผู้รับงานไปทำที่บ้านโดยพยาบาล สาธารณสุขและสหสาขาวิชาชีพ เพื่อปรับปรุงให้ลักษณะงาน และสิ่งแวดล้อมในการทำงานมีความปลอดภัยแก่ภาวะ สุขภาพของผู้ทำงานและครอบครัว
Informal workers’s families, especially home-base workers, face many health hazards and are lacking in work related social security. This research was undertaken to describe and study family health status and related factors among home-based steel pipe workers and their families. Data was collected from 211 families in Tambon Tanod, Nonsung district, Nakhonratchasima province during February 2011. Data was collected via
interview and questionnaires and an additional work environment assessment was done. The statistical analysis was performed using descriptive statistics, Independent t-test, One-way ANOVA, Pearson’s Correlation Coefficients and Multiple Regression Analysis.The results showed that 70.6% of family health status scores were at a high level. Work involved frequent
lifting, carrying, towing, and dragging of heavy items. 48% of workers worked more than 8 hours per day. Most (82.9 %) of the home-based working environments had a low level of safety. Adequacy of income, health and welfare affected family health status with statistical significance (p-value <0.05). Factors that were positively related to family health status with statistically significant (p-value <0.05) include number of family members, family income, and working environment. Number of hours worked per day was negatively correlated with family health status with statistical significance (p-value <0.05). It was found that physical environment offers the best explanation of variance of the family health status. Psychosocial environment, adequacy of income, and number of hours worked per day can jointly predict the family health status of home-based steel pipe worker by about 39%.These findings suggest that home-based work environments should be assessed for risks by public health nurses and multidisciplinary personnel. Identification of risks and subsequent interventions can improve home-based works and working environments, which in turn could result in better health for home-based workers and their families.