การพัฒนารูปแบบการจัดการรายกรณีในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดเอสทียก ที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด Development of Case management Model with ST-segment Elevation Myocardial Infarction receiving Thrombolytic drugs
คำสำคัญ:
การจัดการรายกรณี โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดเอสทียก ยาละลายลิ่มเลือดบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ พัฒนาและศึกษาผลลัพธ์รูปแบบการจัดการรายกรณีในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดเอสทียกที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดในโรงพยาบาลมหาสารคาม โดยเลือกผู้ร่วมวิจัยแบบเจาะจง ได้แก่ พยาบาลงานผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน และหอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม จำนวน 34 คน และผู้ป่วย กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดเอสทียกที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด จำนวน 57 รายโดยกำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติม การวิจัยมี 2 วงรอบๆ ละ 4 ขั้นตอน ได้แก่ การวางแผน การปฏิบัติตามแผน การสังเกต และการสะท้อนผล โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้ร่วมวิจัยในทุกขั้นตอน เก็บข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณโดยใช้แบบสนทนากลุ่ม การสัมภาษณ์เชิงลึก การประชุมระดมสมอง ประชุมเชิงปฏิบัติการ การสังเกต แบบประเมินและแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้การวิเคราะห์จำนวน และค่าร้อยละ
จากการวิเคราะห์สถานการณ์ พบว่ามีปัญหาที่ต้องพัฒนา 4 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านแผนการดูแลผู้ป่วย แนวปฏิบัติยังไม่ครอบคลุมทุกขั้นตอน 2) ด้านการประสานงานทีมสหสาขาวิชาชีพ ขาดผู้ประสานงานในการเชื่อมโยงแนวทางปฏิบัติระหว่างสหสาขาวิชาชีพ 3) ด้านระบบ บริการไม่มีการคัดแยกผู้ป่วยตั้งแต่ต้น การให้ข้อมูลประกอบตัดสินใจให้ยา SK ต้องรอทำให้เกิดความล่าช้า 4) ด้านการติดตามควบคุมกำกับ ระบบยังไม่ชัดเจนเป็นเพียงการติดตามผลลัพธ์ตัวชี้วัดเท่านั้น ผู้วิจัยและผู้ร่วมวิจัยจึงร่วมกันพัฒนารูปแบบการจัดการรายกรณีในผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดเอสทียกที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือด ดังนี้ 1 ) พัฒนาพยาบาลผู้จัดการรายกรณี 2) จัดทำคู่มือกำหนดบทบาทผู้จัดการรายกรณี 3) จัดทำแนวปฏิบัติ ได้แก่ การพยาบาลการเฝ้าระวังและการพยาบาลเมื่อมีอาการเจ็บหน้าอก แนวทางการคัดแยกผู้ป่วยเบื้องต้น แนวทางการประสานโรงพยาบาลชุมชนเพื่อเตรียมความพร้อมของญาติก่อนส่งผู้ป่วยมารักษาที่โรงพยาบาลมหาสารคาม 5) จัดทำแบบประเมินการปฏิบัติ2 ชุด ได้แก่ แบบประเมินการปฏิบัติตามแนวทางการดูแลผู้ป่วย STEMI ที่ได้รับยา SK และแบบประเมินการปฏิบัติตามบทบาทผู้จัดการรายกรณี 6 ) การควบคุมกำกับระบบ โดยการสังเกต การประเมินผล และจัดประชุมติดตามผลลัพธ์
ผลการวิจัยพัฒนารูปแบบการจัดการรายกรณี พบว่ามีการเปลี่ยนแปลง 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านการพยาบาล การประเมินการปฏิบัติของพยาบาลผู้จัดการรายกรณี ครั้งที่ 1 จำนวน 2 คน การปฏิบัติบทบาทพยาบาลผู้จัดการรายกรณี 10 ด้าน ถูกต้องและครบถ้วน ร้อยละ 92.0 และครั้งที่ 2 จำนวน 9 คน ร้อยละ 98.8 การประเมินการปฏิบัติตามแนวทางการดูแลผู้ป่วย STEMI ที่ได้รับยา SK ของพยาบาลงานผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉิน และหอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม พบ มีการปฏิบัติได้ถูกต้องและครบถ้วนทุกด้าน ร้อยละ 86.25 2) ด้านระบบบริการ พบความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพต่อรูปแบบการจัดการรายกรณีที่พัฒนาขึ้น ร้อยละ 91.8 ความพึงพอใจของสหสาขาวิชาชีพต่อรูปแบบการจัดการรายกรณีที่พัฒนาขึ้น ร้อยละ 90.00 และความพึงพอใจของผู้ป่วยหรือผู้ดูแลต่อรูปแบบการจัดการรายกรณีที่พัฒนาขึ้น ร้อยละ 92.1 3) ด้านคลินิก พบผลลัพธ์ด้านคุณภาพการรักษาพยาบาลที่เกิดจากการดูแลโดยใช้รูปแบบการจัดการรายกรณี จำนวน 9 ตัว บรรลุเป้าหมายทั้งหมดภายหลังการขยายผลการนำรูปแบบการจัดการรายกรณีไปใช้กับการดูแลผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดเอสทียกที่ได้รับยาละลายลิ่มเลือดในเครือข่ายโรงพยาบาลชุมชนในปีต่อมา พบว่า รูปแบบที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพและสามารถเพิ่มคุณภาพการดูแลผู้ป่วยได้