การทวนสอบและการรายงานผลการวิเคราะห์โดยอัตโนมัติทางห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก
คำสำคัญ:
การรายงานผลการวิเคราะห์โดยวิธีอัตโนมัติ, กระบวนการภายหลังการวิเคราะห์, ผลการทดสอบทางห้องปฏิบัติการ, ขั้นตอนวิธีการ, ระยะเวลาการรอคอยบทคัดย่อ
แพทย์ต้องการผลการทดสอบทางห้องปฏิบัติการที่ถูกต้อง และรวดเร็ว แต่ขั้นตอนการรายงานผลส่งผลต่อระยะเวลาการรอคอย เนื่องจากต้องตรวจสอบความถูกต้องและยืนยันผลทุกรายการทดสอบ อีกทั้งเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อประยุกต์ระบบการรายงานผลการวิเคราะห์โดยวิธีอัตโนมัติ (autoverification) สำหรับห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก โดยห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้จัดทำระบบ autoverification สำหรับ 35 รายการทดสอบ วิธีการออกแบบขั้นตอนปรับปรุงตามแนวทางปฏิบัติของ CLSI: Autoverification of Clinical Laboratory Test Results ข้อกำหนดและกฎเกณฑ์สำหรับตรวจสอบผลการวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์พัฒนาที่ Middleware (Abbott Laboratories) ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ เทียบค่าพิกัดตรวจสอบ (limit check) เทียบค่าผลครั้งก่อนหน้า (delta check) และตรวจสอบความถูกต้องร่วมกับข้อมูลอื่น (consistence check) หากผลการทดสอบใดไม่อยู่ในเกณฑ์กำหนด ระบบจะเก็บผลไว้ให้ผู้ปฏิบัติการตรวจสอบ ผลการศึกษาพบว่าผลการตรวจสอบด้วยระบบ autoverification สามารถรายงานผลสู่ผู้รับบริการโดยตรงได้ถึงร้อยละ 84.5 ลดระยะเวลาการรอคอยในขั้นตอนการรายงานผลจากเดิมเฉลี่ยต่อรายที่ 9 นาที เหลือเพียง 4 นาที นอกจากนี้ยังเพิ่มการตรวจจับความผิดพลาดจากการเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ โดยข้อมูลการปฏิเสธสิ่งส่งตรวจที่รวบรวมได้ในระยะเวลา 1 ปี มีจำนวน 770 ราย เกิดจากสิ่งส่งตรวจมีความผิดปกติ (เม็ดเลือดแดงแตก เหลืองผิดปกติ หรือขุ่นมีไขมัน) 592 ราย ปนเปื้อนจากสารกันเลือดแข็งและสารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือด 132 ราย และเก็บตัวอย่างผู้ป่วยสลับคน 46 ราย จากการศึกษานี้สรุปได้ว่าระบบ autoverification สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ประโยชน์ที่ได้คือลดระยะเวลาการรอคอย เพิ่มความถูกต้องของผลการทดสอบจากการลดความผิดพลาดของผู้ปฏิบัติงานที่อาจตรวจสอบไม่ครบถ้วน เพิ่มประสิทธิภาพของผู้ปฏิบัติงานโดยให้ตรวจสอบผลเฉพาะรายที่จำเป็นต้องประเมินและ/หรือแก้ไขผลให้มีความถูกต้อง และเพิ่มการตรวจจับสิ่งส่งตรวจที่เกิดข้อผิดพลาดจากการเก็บตัวอย่าง