Microcytic Anemia Factor (MAF) ในหญิงตั้งครรภ์ที่มียีน ธาลัสซีเมีย: การศึกษาเบื้องต้นที่โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก
คำสำคัญ:
Microcytic anemia factor, บีตา-ธาลัสซีเมีย, หญิงตั้งครรภ์, PCR α-thal 1บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเบื้องต้นเพื่อหาค่า microcytic anemia factor (MAF) ในคนปกติและ
หญิงตั้งครรภ์ที่มารับบริการฝากครรภ์ในโรงพยาบาลแม่สอดระหว่างเดือนมกราคม พ.ศ. 2550 ถึงเดือน
ธันวาคม พ.ศ. 2559 จำานวน 2,056 ราย โดยวิเคราะห์ผลตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด และค่า MAF
[Hb*MCV/100] ตรวจคัดกรองและวินิจฉัยธาลัสซีเมียในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ด้วยการทดสอบ DCIP และ
ตรวจวิเคราะห์ชนิดและปริมาณฮีโมโกลบินด้วยเครื่องวิเคราะห์อัตโนมัติ ผลการศึกษาพบว่า ในกลุ่มคน
ปกติมีค่า MAF เฉลี่ยเท่ากับ 12.5 ± 1.2 และแตกต่างอย่างมีนัยสำาคัญทางสถิติ (p < 0.05) เมื่อเทียบ
กับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่เป็นธาลัสซีเมีย เมื่อวิเคราะห์ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์พบว่า กลุ่มที่เป็นธาลัสซีเมีย
มีค่า MAF ต่ำากว่ากลุ่มที่ไม่เป็นธาลัสซีเมีย คือมีค่า MAF เฉลี่ยอยู่ในช่วง 5.6-9.1 โดยในกลุ่มพาหะ
ฮีโมโกลบินอีที่มีค่า Hb E ≥ 25% มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 9.1 ± 1.1 ซึ่งสูงกว่ากลุ่มพาหะฮีโมโกลบินอีที่มีค่า
Hb E < 25% ส่วนกลุ่มโฮโมไซกัสฮีโมโกลบินอี โรคฮีโมโกลบินเอช และโรคบีตา-ธาลัสซีเมียร่วมกับ
ฮีโมโกลบินอี มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 6.7 ± 1.1, 5.6 ± 0.7 และ 5.9 ± 2.3 ตามลำาดับ ผลการศึกษาแสดงว่า
ค่า MAF มีความแตกต่างกันในกลุ่มคนปกติและหญิงตั้งครรภ์ และมีค่าต่ำาลงในผู้ที่เป็นธาลัสซีเมีย
โดย MAF จะมีค่าต่ำาลงมากขึ้นเมื่อมีความผิดปกติของโกลบินยีนมากขึ้น ดังนั้นอาจนำาค่า MAF ไปใช้
ประโยชน์ในการคาดการณ์ว่ามีพาหะ α-thal 1 ร่วม หลังจากตรวจด้วย CBC และ DCIP ก่อนที่จะตรวจ
Hb typing ได้ รวมถึงการนำาไปใช้ในการพิจารณาส่งตรวจยีน α-thal 1 เพิ่มเติมโดยวิธี PCR