ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับผลบวกจากการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ด้วยการตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระ ของประชาชน อายุ 50-70 ปี อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์

ผู้แต่ง

  • สุชาวดี ศรีมุงคุณ นักศึกษา หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • สุทิน ชนะบุญ วิทยาจารย์ชำนาญการพิเศษ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดขอนแก่น คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก

คำสำคัญ:

การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง, การตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระ, ความรอบรู้ด้านสุขภาพ

บทคัดย่อ

การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบย้อนหลังครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับผลบวกจากการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงด้วยการตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระของประชาชนอายุ 50-70 ปี อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 423 แบ่งเป็นกลุ่มศึกษา จำนวน 141 คน และกลุ่มควบคุม จำนวน 282 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน มีค่าดัชนีความสอดคล้องรายข้อ ระหว่าง 0.67-1 แล้วนำแบบสอบถามไปทดลองใช้ กับประชาชนที่มีคุณลักษณะเหมือนกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน มีค่าความเที่ยงโดยวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของควอนบาค พบว่า ด้านพฤติกรรมสุขภาพ มีค่า 0.90 และด้านความรอบรู้ด้านสุขภาพ มีค่า 0.94 สถิติพรรณนาใช้ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสูงสุด-ต่ำสุด สถิติอนุมานใช้สถิติถดถอยพหุโลจิสติก กำหนดระดับนัยสำคัญที่ 0.05

ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับผลบวกจากการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ด้วยการตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ประวัติอาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร (ORadj = 2.19, 95% CI: 1.19 ถึง 4.05, p-value = 0.011) ความรอบรู้ด้านสุขภาพการเข้าถึงแหล่งข้อมูลโรคมะเร็งลําไส้ใหญ่และไส้ตรงในระดับไม่เพียงพอและเป็นปัญหา (ORadj = 1.81, 95% CI: 1.08 ถึง 3.05, p-value = 0.023) และความรอบรู้ด้านสุขภาพการนำข้อมูลไปใช้ในการดูแลสุขภาพ ในระดับ ไม่เพียงพอและเป็นปัญหา (ORadj = 2.14, 95% CI: 1.20 ถึง 3.83, p-value = 0.010)

ดังนั้น ควรปรับแนวทางให้กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงได้รับการตรวจคัดกรองอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพเชิงรุกในระดับชุมชน พัฒนาสื่อให้เข้าถึงง่ายและใช้งานได้จริง เพิ่มช่องทาง ให้ประชาชนสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้ง่ายขึ้น

เอกสารอ้างอิง

International Agency for Research on Cancer. Cancer Today [Internet]. Lyon: IARC; 2022 [cited 2025 Jan 15]. Available from: https://gco.iarc.fr/today

International Agency for Research on Cancer. GLOBOCAN 2020-Colorectal cancer factsheet [Internet]. Lyon: IARC; 2024 [cited 2025 Jan 15]. Available from: https://gco.iarc.fr

World Health Organization. Thailand Cancer Country Profile 2022 [Internet]. Geneva: WHO; 2022 [cited 2025 Jan 15]. Available from: https://www.who.int/cancer-country-profile

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการตรวจคัดกรองวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง. ปรับปรุงครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ; 2564.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์. ระบบคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center [อินเทอร์เน็ต]. กาฬสินธุ์: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์; 2566 [เข้าถึงเมื่อ 12 พ.ย. 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://ksn.hdc.moph.go.th/hdc/reports

ยามีหละ ใมหมาด, ปุญญพัฒน์ ไชยเมล์, สมเกียรติยศ วรเดช. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง: การทบทวนวรรณกรรม. วารสารวิชาการสาธารณสุขชุมชน. 2562; 6(3): 1-11.

รัชดา แก้วอินชัย, น้ำอ้อย ภักดีวงศ์. ปัจจัยทำนายการตรวจพบเลือดแฝงในอุจจำระและกำรเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในประชำกรกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ สสอท. 2562; 1(1): 18-32.

จริญญา เชื้อลิ้นฟ้า, ชนัญญา จิระพรกุล, เนาวรัตน์ มณีนิล. ปัจจัยการบริโภคอาหารกับการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงด้วยวิธี FIT ให้ผลบวกในประชาชนอายุ 50-70 ปี ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. 2563; 13(2): 67-79.

สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ. คู่มือกระบวนการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพในการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ. นนทบุรี: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข; 2564.

Sharma SK, Mudgal SK, Thakur K, Gaur R. How to calculate sample size for observational and experimental nursing research studies? National Journal of Physiology, Pharmacy and Pharmacology. 2020; 10(1): 1-8.

มนตรี นาทประยุทธ์. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง โรงพยาบาลบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์. 2564; 36(1): 219-26.

จุฑามาศ ปัททุม. ประเมินความเสี่ยงผลตรวจเป็นบวกแต่ผิดพลาดของการใช้ stool occult blood test ในการคัดกรองหามะเร็งลำไส้ใหญ่ของคนไข้ในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์. วารสารสิ่งแวดล้อมศึกษาการแพทย์และสุขภาพ. 2566; 8(4): 83-9.

Nutbeam D. Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health Promot Int. 2000; 15(3): 259-67.

Sørensen K, Van den Broucke S, Fullam J, Doyle G, Pelikan J, Slonska Z, et al. Health literacy and public health: a systematic review and integration of definitions and models. BMC Public Health. 2012; 12: 80.

Lee HY, Lee J, Kim NK. Gender Differences in Health Literacy Among Korean Adults: Do Women Have a Higher Level of Health Literacy Than Men? Am J Mens Health. 2015; 9(5): 370-9.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

06-10-2025

รูปแบบการอ้างอิง

ศรีมุงคุณ ส., & ชนะบุญ ส. (2025). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับผลบวกจากการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ด้วยการตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระ ของประชาชน อายุ 50-70 ปี อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน, 8(3), 40–52. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jhscph/article/view/279616

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย