การพัฒนาความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จังหวัดบึงกาฬ

ผู้แต่ง

  • วิชัย ศรีผา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ

คำสำคัญ:

ความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม, PM2.5, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและศึกษาผลการพัฒนาความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จังหวัดบึงกาฬ วิธีการศึกษาแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ สำรวจ พัฒนา และประเมินผล กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจและประเมินผลใช้กลุ่มตัวอย่างเดียวกัน คือ อสม. จำนวน 382 คน จากประชากร 8,030 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิ ส่วนกลุ่มในการพัฒนาคือ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 18 คน เครื่องมือที่ใช้คือ แบบสอบถาม และแนวทางการสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือสถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และ Paired t-test โดยกำหนดระดับนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

ผลการวิจัยพบว่า กระบวนการพัฒนาประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ การวางแผน การปฏิบัติงาน การสังเกตผล และการสะท้อนผลเพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดการ ผลการพัฒนาพบว่า อสม.จังหวัดบึงกาฬ มีระดับความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม และมีพฤติกรรมการจัดการปัญหา PM2.5 อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.51 (S.D. = 0.90) และ 3.95 (S.D. = 0.92) ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการจัดการปัญหา PM2.5 ได้แก่ การเข้าถึงข้อมูลอนามัยสิ่งแวดล้อม (r = 0.548, p-value<0.001) และการเข้าใจข้อมูลอนามัยสิ่งแวดล้อม (r=0.604, p-value<0.001) มีความสัมพันธ์อยู่ในระดับปานกลาง การตรวจสอบข้อมูลอนามัยสิ่งแวดล้อม (r=0.722, p-value<0.001) และการตัดสินใจเพื่อป้องกันสุขภาพ (r = 0.728, p-value <0.001) มีความสัมพันธ์อยู่ในระดับมาก และหลังดำเนินการมีผลการพัฒนาความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมมากกว่าก่อนดำเนินการอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value <0.001)

ผลการศึกษาครั้งนี้สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการพัฒนาต่อยอดในการจัดโปรแกรมส่งเสริมความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมแบบมี ส่วนร่วมให้แก่ อสม. เพื่อให้มีความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ในชุมชนรวมถึงการถ่ายทอดความรู้ให้แก่ประชาชนต่อไป

เอกสารอ้างอิง

กรมควบคุมมลพิษ. รายงานสถานการณ์ PM2.5 พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล. กรุงเทพฯ: กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 2562.

ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ. รายงานสถานการณ์ PM2.5 รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ. กรุงเทพฯ: กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม; 2567.

Gray KM. From Content Knowledge to Community Change: A Review of Representations of Environmental Health Literacy. Int J Environ Res Public Health. 2018; 15(3): 466.

กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอนามัย. ความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมของ อสม.ในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2563.

รจนารถ ชูใจ, ชลธิชา บุญศิริ, กมลพร แพทย์ชีพ. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ ในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของ อสม. ตำบล ดอนตะโก อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้. 2564; 8(1): 250-62.

กลุ่มงานอาชีวอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อม. รายงานสถานการณ์ ฝุ่น PM2.5; บึงกาฬ: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ; 2567.

กลุ่มงานส่งเสริมสุขภาพ. สถิตรายงานผู้ป่วยที่รับบริการ ในโรงพยาบาลจังหวัดบึงกาฬ. บึงกาฬ: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ; 2567.

Kemmis S, McTaggart R. The Action Research Planer. 3rd ed. Victoria: Deakin University; 1988.

วัลลภ รัฐฉัตรานนท์. การหาขนาดตัวอย่างที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย: มายาคติในการใช้สูตรของ ทาโร ยามาเน่ และเครทซี-มอร์แกน. วารสารสหวิทยาการวิจัย: ฉบับบัณฑิตศึกษา. 2562; 8(1): 11-28.

บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. สถิติวิเคราะห์เพื่อการวิจัย. พิมพครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: เรือนแก้วการพิมพ์; 2553.

อังศินันท์ อินทรกำแหง. ความรอบรู้ด้านสุขภาพ: การวัดและการพัฒนา. กรุงเทพฯ: สุขุมวิทย์การพิมพ์; 2560.

บุญชม ศรีสะอาด. หลักการวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: สุวิริยาสาส์น; 2554.

ไข่มุกข์ วิเชียรเจริญ. การวิเคราะห์ข้อมูล; เอกสารการสอน ชุดวิชาสถิติและการวิจัยสำหรับวิทยาศาสตร์สุขภาพ. หน่วยที่ 11 หน้า 164-70. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2537.

จําเนียร จวงตระกูล, นวัสนันท์ วงศ์ประสิทธิ์. การวิเคราะห์เนื้อหา ในการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพ. วารสารสมาคมรัฐประศาสนศาสตร์ แห่งประเทศไทย. 2562; 2(2): 1-14.

อังศินันท์ อินทรกำแหง. ความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5 ของอสม.ในพื้นที่เมืองอุตสาหกรรม เชิงนิเวศ. นนทบุรี: กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2563.

ปรางค์ทิพย์ อุจะรัตน, ปราณี ทัดศรี, ดวงนภา บุญส่ง. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของนักศึกษาพยาบาล. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์. 2562; 42(3): 14-24.

สุภางค์พิมพ์ รัตตสัมพันธ์, นิธินันท์ ศิรบารมีสิทธิ์, ชนินทร รัตตสัมพันธ์. ความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ ด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกัน การสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ของหญิงตั้งครรภ์ โรงพยาบาลปทุมธานี. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์. 2565; 42(3): 53-62.

Heijmans M, Waverijn G, Rademakers J, Van Der Vaart R, Rijken M. Functional, communicative and critical health literacy of chronic disease patients and their importance for self-management. Patient Educ Couns. 2015; 98(1): 41-8.

เพ็ญวิภา นิลเนตร. การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่ม วัยทำงาน. นนทบุรี: กรมสนับสนุน บริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข; 2565.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

18-08-2025

รูปแบบการอ้างอิง

ศรีผา ว. (2025). การพัฒนาความรอบรู้ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อจัดการปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ในกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จังหวัดบึงกาฬ. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน, 8(2), 1–11. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jhscph/article/view/279056

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย