ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ในสตรีอายุ 30 - 60 ปี อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

ผู้แต่ง

  • มานะ เปาทุย สาธารณสุขอำเภอเมืองสมุทรสาคร สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร
  • ศิวรักษ์ กิจชนะไพบูลย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • ฐาปกรณ์ เรือนใจ อาจารย์ สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

คำสำคัญ:

ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์, การตรวจคัดกรอง, มะเร็งปากมดลูก

บทคัดย่อ

การวิจัยแบบภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์ (Cross-analytical research) ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสตรีอายุ 30 - 60 ปี อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร กลุ่มตัวอย่างคือ สตรีอายุ 30 - 60 ปี ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ ความรับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สังกัดสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 418 คน ทำการสุ่มตัวอย่างแบบสัดส่วน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาคือแบบสอบถาม ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน มีค่าดัชนีสอดคล้องเชิงเนื้อหาเท่ากับ 0.91 - 1.00 และมีสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาชเท่ากับ 0.87 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติการถดถอยโลจิสติก

ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างมีอายุเฉลี่ย 45.72 ปี (S.D. = 9.06) มีระดับการศึกษามัธยมศึกษาและ ต่ำกว่ามัธยมศึกษา ร้อยละ 56.40 มีสถานภาพสมรสคู่ ร้อยละ 71.30 ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร/รับจ้าง/ค้าขาย ร้อยละ 56.90 รายได้เฉลี่ยครอบครัวต่อเดือนคือ 21,731.08 บาท กลุ่มตัวอย่างมารับบริการตรวจ คัดกรองมะเร็งปากมดลูกในปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2566) ร้อยละ 67.70 มีความสะดวกในการไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ร้อยละ 84.40 เคยตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยชุดเก็บตัวอย่างด้วยตัวเอง ร้อยละ 48.80 มีประวัติการได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกร้อยละ 12 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรีอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ได้แก่ ความสะดวกในการไปตรวจคัดครองมะเร็งปากมดลูก การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยชุดเก็บตัวอย่างด้วยตนเอง ประวัติการได้รับวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก การรับรู้อุปสรรคของการเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และการรับรู้ศักยภาพ แห่งตนในการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (aOR = 8.75, 95%CI:, 3.82 - 20.05, p <0.001; aOR = 12.55, 95%CI:, 6.34 - 24.84,p <0.001; aOR = 3.83, 95%CI:, 1.06 - 13.87,p = 0.041; aOR = 2.56, 95%CI:, 1.24 - 5.32, p = 0.011 และ aOR = 2.62, 95%CI:, 1.36 - 5.07, p = 0.04 ตามลำดับ) ดังนั้นบุคลากรทางด้านสาธารณสุข ควรนำผลการศึกษาไปใช้ในการออกแบบกิจกรรม/โครงการโดยประยุกต์ใช้แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ เพื่อเพิ่มอัตราการเข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มประชากรเป้าหมาย

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization. WHO releases new estimates of the global burden of Cervical cancer associated with HIV. Geneva: World Health Organization; 2021.

สถาบันวิจัยประชากรและสังคม. สุขภาพคนไทย 2565. นครปฐม: มหาวิทยาลัยมหิดล; 2567.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร. อัตราการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสตรีอายุ 30 - 60 ปี [อินเทอร์เน็ต]. 2566. [เข้าถึงเมื่อ 7 พ.ย. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://shorturl.at/K9O26

Lee BF, Erickson BK, Huh WK. Cervical cancer screening: evidence behind the guidelines. American Journal of Obstetrics and Gynecology. 2016; 214(4): 483-43.

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาโรคมะเร็งปากมดลูก. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2561.

Hacker NF, Eifel PJ, van der Velden J. Cancer of vagina. International Journal of Gynecology & Obstetrics. 2015;131; S84-7.

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. นิยามตัวชี้วัด Service Plan สาขาโรคมะเร็ง ปี 2561 - 2565. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2561.

Rosenstock IM. The Health Belief Model and Preventive Health Behavior. Health Education Monographs. 1974; 2(4): 354-86.

Ma GX, Gao W, Fang CY, Tan Y, Feng Z, Ge S, et al. Health beliefs associated with cervical cancer screening among Vietnamese Americans. J Womens Health (Larchmt). 2013; 22(3): 276-88.

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์. นิยามตัวชี้วัด Service Plan สาขาโรคมะเร็ง ปี 2566 - 2570. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2566.

Best JW, Kahn JV. Research in Education. New Jersey: Printice Hall. Inc; 1997.

ธีรนาฎ ปัญญายม, อนุกูล มะโนทน. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการใช้บริการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูก ของสตรีกลุ่มเสี่ยงอายุ 30-60 ปี ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย. วารสารวิจัยสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ. 2566; 5(3): 28-43.

ชลากร พรหมนิล. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตัดสินใจเข้ารับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรี อายุ 30-60 ปี ในเขตรับผิดชอบ โรงพยาบาลเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการ เพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิและสาธารณสุข. 2567; 2(1): 79-96.

Azar D, Murphy M, Fishman A, Sewell L, Barnes M, Proposch A. Barriers and facilitators to participation in breast, bowel and Cervical cancer screening in rural Victoria: a qualitative study. Health Promotion Journal of Australia. 2022 ;33(1): 272-81.

พจมาน พิศาลประภา. รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ การวิเคราะห์ต้นทุนอรรถประโยชน์และความเป็นไปได้ของการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA โดยชุดเก็บตัวอย่างด้วยตัวเองในประเทศไทย [อินเทอร์เน็ต]. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข; 2566 [เข้าถึงเมื่อ 14 ก.พ. 2568]. เข้าถึงได้จาก: https://rb.gy/z8xbja

พิทยารัตน์ จิกยอง, นภชา สิงห์วีรธรรม, สินีนาฏ ชาวตระการ. ความสัมพันธ์ระหว่างแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพกับการตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูกในสตรีอายุ 30 - 60 ปี อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่. วารสารการพยาบาลและการศึกษา. 2567; 17(2): 67-77.

อรทัย วิเชียรปูน, วุฒิชัย จริยา. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการรับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของสตรี อายุ 30-60 ปี อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร. วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ. 2563; 13(2): 250-58.

Ghasemi M, Savabi-Esfahani M, Noroozi M, Sattari M. Predicting Cervical cancer screening participation using self-care behaviors among women in Iran. Journal of Education & Health Promotion. 2024; 13(1): 257.

Zhang M, Sit JWH, Wang T, Chan CWH. Exploring the sources of cervical cancer screening self-efficacy among rural females: A qualitative study. Health Expect. 2023; 26(6): 2361-373.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

29-04-2025

รูปแบบการอ้างอิง

เปาทุย ม., กิจชนะไพบูลย์ ศ., & เรือนใจ ฐ. (2025). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อการมารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ในสตรีอายุ 30 - 60 ปี อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน, 8(1), 55–67. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jhscph/article/view/277487

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย