ผลของรูปแบบการดูแลป้องกันแผลกดทับในกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มติดเตียงที่บ้านโดยญาติผู้ดูแลยุค 4G เขตอำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู

ผู้แต่ง

  • เยาวภา สีดอกบวบ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ กลุ่มงานการพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลหนองบัวลำภู
  • อภิญญา พรมจันทร์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ กลุ่มงานการพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลหนองบัวลำภู
  • เทพพิทักษ์ รินรุด แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลหนองบัวลำภู
  • รุจิระชัย เมืองแก้ว อาจารย์, คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีษะเกษ

คำสำคัญ:

แผลกดทับ, ญาติผู้ดูแล, ผู้ป่วยกลุ่มติดเตียง

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของรูปแบบการดูแลป้องกันแผลกดทับในกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มติดเตียง ที่บ้านโดยญาติผู้ดูแลในยุค 4G เขตอำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2566 ถึง เดือนมกราคม 2567 ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบประเมินสมรรถนะของญาติผู้ดูแลและแบบประเมินความเสี่ยงการเกิดแผลกดทับ Braden Score วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Independent t-Test และ Mann-Whitney U test

ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มผู้ดูแลส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง จำนวน 61 คน ร้อยละ 84.7 มีอายุเฉลี่ย 47.71 ปี S.D.13.73 และมีโรคประจำตัว ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับประถมศึกษา จำนวน 39 คน ร้อยละ 54.2 ส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนในการติดต่อสื่อสาร จำนวน 64 คน ร้อยละ 84.9 ในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงส่วนใหญ่ เป็นเพศชาย จำนวน 39 คน ร้อยละ 34.2 อายุเฉลี่ย 62.74 ปี S.D.18.25 มีโรคประจำตัว ได้แก่ เบาหวาน จำนวน 21 คน ร้อยละ 29.2 ความดันโลหิตสูง จำนวน 33 คน ร้อยละ 45.8 CVD จำนวน 22 คน ร้อยละ 30.8 CKD จำนวน 8 คนร้อยละ 11.1 โรคหัวใจ จำนวน 4 คน ร้อยละ 5.6 สาเหตุของการเป็นผู้ป่วยติดเตียงสาเหตุจาก Stroke มากที่สุด จำนวน 14 คน ร้อยละ 18.4 มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ คือ Tracheostomy tube จำนวน 15 คน ร้อยละ 11.8 สายสวนปัสสาวะ จำนวน 30 คน ร้อยละ 41.7 Colostomy จำนวน 5 คน ร้อยละ 8.9 และอุปกรณ์อื่น ๆ จำนวน 40 คน ร้อยละ 56.6

ผลการใช้รูปแบบ พบว่า ความรู้หลังการทดลองระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ระดับทักษะปฏิบัติหลังการทดลองระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 และระดับของแผลกดทับหลังการทดลองระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001

เอกสารอ้างอิง

Roussou E, Fasoi G, Stavropoulou A, Kelesi M, Vasilopoulos G, Gerogianni G, Alikari V. Quality of life of patients with pressure ulcers: a systematic review. Medicine and Pharmacy Reports. 2023; 96(2): 123-30.

งานสารสนเทศ โรงพยาบาลมหาสารคาม. สถิติผู้ป่วยกระดูกสะโพกหักที่ได้รับการผ่าตัดใส่ข้อสะโพกเทียม โรงพยาบาลมหาสารคามปี 2563-2565; มหาสารคาม: โรงพยาบาลมหาสารคาม 2565.

ฉัตรวลัย ใจอารีย์. ผลของการใช้แนวปฏิบัติทางคลินิกสำหรับป้องกันการเกิดแผลกดทับโรงพยาบาลนครปฐม. วารสารแพทย์ เขต 4-5. 2563; 39(4). 684-96.

Källman U. Repositioning in Pressure Ulcer Prevention [Internet] [PhD dissertation]. Linköping: Linköping University Electronic Press. 2015; [cited 2022 Jun 15] Available from: https://urn.kb.se/resolve?urn= urn:nbn:se:liu:diva-117447

Mohammed HJ, Kamel AA. The Effect of Home Caregiving Program for Family Members ProvidingCare for Chronically Ill Relative Client. J Educ Pract. 2015; 6(22): 18-21.

Qaddumi J, Khawaldeh A. Pressure ulcer prevention knowledge among Jordanian nurses: a cross- sectional study. BMC Nurs. 2014; 13(1): 6.

สุธาสินี เจียประเสริฐ, นวพร ดำแสงสวัสดิ์, จิฑาภรณ์ ยกอิ่น, บุญประจักษ์ จันทร์วิน, การป้องกันแผลกดทับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่บ้าน: ประสบการณ์การพัฒนาญาติผู้ดูแลในยุค 4.0. วารสาร คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. 2563; 28(1): 105-15.

Donia Atef Ibrahiem, Mona Mohamed Abd El-Maksoud. Training program for caregivers to prevent pressure ulcers among elderly residents at geriatric homes. Frontiers of Nursing. 2021; 8(3): 249-59.

Lee SB, Lee HY. Impact of pressure ulcer prevention knowledge and attitude on the care performance of long-term care facility care workers: a cross-sectional multicenter study. BMC Geriatr. 2022; 22(1): 988.

รัศมี เกตุธานี, จิราภาณ์ ผ่องวิไล, กมลวรรณ จันทร์เดช, กชณากาญ ดวงมาตย์พล, วุฒิชัย โยตา. ผลของโปรแกรมเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนของผู้ดูแลผู้ป่วยสูงอายุกระดูกข้อสะโพกหัก เพื่อป้องกันการเกิดแผล กดทับ รพ.มหาสารคาม. วารสารวิชาการสำานักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม. 2566; 7(14). 64-80.

Mayi N, Vachprasit R, Sae-Sia W. The effect of self-Efficacy promoting program on perceived self-Efficacy and behaviors in prevention of pressure injury among caregivers and incidence of pressure Injury in dependent patients. Journal of Health and Nursing Research. 2021; 37(3): 89-104.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

29-04-2025

รูปแบบการอ้างอิง

สีดอกบวบ เ., พรมจันทร์ อ., รินรุด เ., & เมืองแก้ว ร. (2025). ผลของรูปแบบการดูแลป้องกันแผลกดทับในกลุ่มผู้ป่วยกลุ่มติดเตียงที่บ้านโดยญาติผู้ดูแลยุค 4G เขตอำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน, 8(1), 68–77. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jhscph/article/view/272723

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย