ประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมภาวะผู้นำผ่านแอปพลิเคชันไลน์ต่อความรู้ ความตั้งใจ และภาวะผู้นำด้านสุขภาพในการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักศึกษาพยาบาล จังหวัดนครราชสีมา

ผู้แต่ง

  • สุเนตร บุบผามาลา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
  • วิภาวี คำสุดที คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
  • ปาริฉัตร สืบเทพ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
  • อภิชญา หงษ์แปลง คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

คำสำคัญ:

นักศึกษาพยาบาล, การป้องกัน , พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ , ภาวะผู้นำ, แอปพลิเคชันไลน์

บทคัดย่อ

การวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่ม วัดก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมเสริมสร้างภาวะผู้นำผ่านแอปพลิเคชันไลน์ต่อความรู้ ความตั้งใจ และภาวะผู้นำด้านสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง โดยเป็นนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 2 อายุ 18–24 ปี จำนวน 84 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 42 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรม กลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามปกติ เครื่องมือวิจัย ได้แก่  โปรแกรมเสริมสร้างภาวะผู้นำผ่านแอปพลิเคชันไลน์  แบบประเมินความรู้ ความตั้งใจ และภาวะผู้นำด้านสุขภาพ ตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา ได้ค่า 0.80, 0.91, 1.00 และ 1.00 ตามลำดับ ความเชื่อมั่นของแบบประเมินความตั้งใจและภาวะผู้นำ ตรวจสอบด้วยค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค ได้ค่า 0.86 และ 0.88 ส่วนแบบประเมินความรู้ตรวจสอบด้วย KR-20 ได้ค่า 0.70 วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ หาความถี่ ร้อยละของข้อมูลส่วนบุคคล เปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมใช้สถิติ paired t-test และระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมใช้ independent sample t-test

ผลการวิจัยพบว่า หลังการทดลอง กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยด้านความรู้ ความตั้งใจในการปฏิบัติตน และภาวะผู้นำด้านสุขภาพในการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสูงกว่าก่อนทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p< .001 เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มพบว่า กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยด้านความรู้และความตั้งใจในการปฏิบัติตน และภาวะผู้นำด้านสุขภาพเพื่อป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p< .001 และ p<.05 สรุปได้ว่า โปรแกรมสร้างเสริมภาวะผู้นำ เพื่อป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศผ่านแอปพลิเคชันไลน์สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ และส่งเสริมภาวะผู้นำด้านสุขภาพ

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข, กรมควบคุมโรค. (2561). โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์. https://ddc.moph.go.th/disease_detail.php?d=30

กระทรวงสาธารณสุข, กรมควบคุมโรค. (2565). พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์. สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ. https://ddc.moph.go.th/ddce/news.php?news=19478&deptcode=

กระทรวงสาธารณสุข, กรมควบคุมโรค, สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9. (2565). รายงานประจำปี พ.ศ. 2565. http://odpc9.ddc.moph.go.th/post/65-report.pdf

กระทรวงสาธารณสุข, กรมอนามัย. (2566). ระบบสารสนเทศสนับสนุนงานส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม. https://dashboard.anamai.moph.go.th/ministry/default/index?year=2023

กระทรวงสาธารณสุข, กรมอนามัย. (2567). ระบบสารสนเทศสนับสนุนงานส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม. https://dashboard.anamai.moph.go.th/dashboard/labor1519n/index?year=2024

กุลภัสสรณ์ ศิริมนัสสกุล. (2560). ผลของโปรแกรมสุขภาพในโรงเรียนต่อความรู้ในการป้องกันโรคซิฟิลิสของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล, 27(1), 139-140.

จันทิรา ขําสอาด, อโณชา แซเลา, กรชนก แสงสวัสดิ์, วริศรา นุชเกษม, อาติยา สวัสดี, ธนภัทร ไวจําปา, และภาสิต ศิริเทศ. (2564). ผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเองต่อทักษะชีวิตในการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของวัยรุ่นตอนต้น จังหวัดเพชรบุรี. วารสารวิจัยและพัฒนา, 15(1), 35-50.

บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 10). สุวีริยาสาส์น.

ปฏิกาญจน์ สีชาลี, และรุจิรา ดวงสงค์. (2565). ผลของโปรแกรมป้องกันการตั้งครรภ์โดยการประยุกต์แนวคิดความรอบรู้ด้านสุขภาพในนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนแห่งหนึ่ง จังหวัดอุดรธานี. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 15(1), 24-36.

ปัณณพัฒน์ ลาวัลย์ตระกูล. (2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความสนใจในการใช้ยาป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อเอชไอวี (PrEP) ในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายในประเทศไทย. วารสารระบบบริการปฐมภูมิและเวชศาสตร์ครอบครัว, 13(1), 48.

มาลี สบายยิ่ง. (2562). พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในสังคมปัจจุบัน. วารสารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 30(3), 121-127.

ยุพิน พิมสวัสดิ์. (2557). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ในจังหวัดมุกดาหาร [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี.

ลัดดาวัลย์ เตจ๊ะ, และอลิสา นิติธรรม. (2566). ประสิทธิผลของโปรแกรมการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์. วารสารสุขศึกษา พลศึกษา และสันทนาการ, 49(1), 216-226.

สายพิณ เกษมกิจวัฒนา, พรสวรรค์ เชื้อเจ็ดตน, และวรางคณา อ่ำศรีเวียง. (2557). นวัตกรรมการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักศึกษามหาวิทยาลัย. วารสารสภาการพยาบาล, 29(3), 5-18.

อัญชลี ติยะบุตร, สุดถนอม กมลเลิศ, และรวีวัลย์ ปัณเย็น. (2563). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายในอำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 13(4), 56-58.

Best, J. W. (1981). Research in education. Prentice-Hall.

Centers for Disease Control and Prevention. (2024, 22 November). Sexual risk behaviors . https://www.cdc.gov/youth-behavior/risk-behaviors/sexual-risk-behaviors.html

Davis, L. (1992). Instrument review: Getting the most from your panel of experts. Applied Nursing Research, 5(2), 104-107.

Dowling, R., Howell, E. M., Dasco, M. A., & Schwartzman, J. (2025). Digital sexual and reproductive health in adolescents in low- and middle-income countries: A scoping review. Youth, 5(1), 15. https://doi.org/10.3390/youth5010015

Gabarron, E., & Wynn, R. (2016). Use of social media for sexual health promotion: A scoping review. Global Health Action, 9, 32193. https://doi.org/10.3402/gha.v9.32193

Ghasemi, A., & Zahediasl, S. (2012). Normality tests for statistical analysis: A guide for non-statisticians. International Journal of Endocrinology and Metabolism, 10(2), 486–489. https://doi.org/10.5812/ijem.3505

Janeczko, L. L. (2022, 29 April). Sexually transmitted infections on a 30-year rise worldwide. Medscape. https://www.medscape.com/viewarticle/972937#vp_1?form=fpf

Kline, R. B. (2004). Beyond significance testing: Reforming data analysis methods in behavioral research. https://doi.org/10.1037/10693-000

Pender, N. J. (1996). Health promotion in nursing practice (3rd ed.). Appleton.

Sullivan, G. M., & Feinn, R. (2012). Using effect size-or why the p value Is not enough. Journal of Graduate Medical Education, 4(3), 279-282. https://doi.org/10.4300/JGME-D-12-00156.1

Tingey, L., Chambers, R., Patel, H., Littlepage, S., Lee, S., Lee, A., Susan, D., Melgar, L., Slimp, A., & Rosenstock, S. (2021). Prevention of sexually transmitted diseases and pregnancy prevention among Native American youths: A randomized controlled trial, 2016–2018. American Journal of Public Health, 111(10), 1874–1884. https://doi.org/10.2105/AJPH.2021.306447

World Health Organization. (2021, 20 May). World health statistics 2021: Monitoring health for the SDGs, sustainable development goals. https://www.who.int/publications/i/item/9789240027053

World Health Organization. (2025). Adolescent health. https://www.who.int/health-topics/adolescent-health#tab=tab_1

concept map

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-06-09

รูปแบบการอ้างอิง

บุบผามาลา ส. ., คำสุดที ว. ., สืบเทพ ป. ., & หงษ์แปลง อ. . (2025). ประสิทธิผลของโปรแกรมสร้างเสริมภาวะผู้นำผ่านแอปพลิเคชันไลน์ต่อความรู้ ความตั้งใจ และภาวะผู้นำด้านสุขภาพในการป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศของนักศึกษาพยาบาล จังหวัดนครราชสีมา. ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์, 15(1), 45–62. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/bcnsurin/article/view/277831

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย