การพัฒนาแบบวัดทักษะปฏิบัติการสื่อสารเพื่อการบำบัด ในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต ของนักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 3
คำสำคัญ:
แบบวัดทักษะการปฏิบัติการพยาบาล, ทักษะการสื่อสารเพื่อการบำบัด, การสอบ OSCE, นักศึกษาพยาบาลบทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพของแบบวัดทักษะปฏิบัติการสื่อสารเพื่อการบำบัดโดยใช้ objective structured clinical examination (OSCE) ในรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลบุคคลที่มีปัญหาทางสุขภาพจิตของนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี การดำเนินการวิจัยประกอบด้วย 4 ระยะ ดังนี้ระยะที่ 1 การพัฒนาแบบวัดทักษะปฏิบัติการสื่อสารเพื่อการบำบัด ซึ่งเป็นแบบสังเกต 20 รายการ จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ 1) แบบวัดทักษะปฏิบัติการสื่อสารเพื่อการบำบัดกับผู้ที่มีความผิดปกติทางการคิดการรับรู้ และ2) แบบวัดทักษะปฏิบัติการสื่อสารเพื่อการบำบัดกับผู้ที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ รวมทั้ง โจทย์สถานการณ์ scenario ข้อสอบ และแบบตรวจสอบรายการซึ่งพัฒนาขึ้นจากกรอบแนวคิดการประเมินผู้เรียนของ Miller ทฤษฎีการสร้างสัมพันธภาพของ Peplau และการทบทวนเทคนิคการสื่อสารเพื่อการบำบัด ระยะที่ 2 การตรวจสอบคุณภาพของแบบวัดทั้ง 2 ฉบับ ด้วยการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหา (ค่า IOC) โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 3 ท่าน เท่ากับ 0.98 และ 1.00 นำมาปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ ระยะที่ 3 การทดลองใช้แบบวัดครั้งที่ 1 ในกลุ่มประชากร นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตชั้นปีที่ 3 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 80 คน หาค่าความเชื่อมั่น โดยคำนวณค่า Cronbach’s Alpha Coefficient เท่ากับ0.69และ 0.41นำมาปรับปรุงและ ระยะที่4 การทดลองใช้แบบวัดครั้งที่2 ในกลุ่มประชากรลักษณะใกล้เคียงกับกลุ่มประชากรเดิม คำนวณค่า Cronbach’s Alpha Coefficient เท่ากับ 0.78 และ 0.72 หาความแตกต่างโดย t-test ของแบบวัดครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 ทั้ง 2 ฉบับพบว่าไม่แตกต่างกัน (p = .05)
ผลการวิจัยจากการสนทนากลุ่มของอาจารย์และนักศึกษา พบว่า แบบวัดทักษะปฏิบัติการสื่อสารเพื่อการบำบัดช่วยให้การประเมินทักษะในการสอบ OSCE สะดวกและมีความเข้าใจรายการประเมินได้ตรงกัน
Downloads
References
2. Soivong P, Suksatit B, Khampolsiri T, Suwankruhasn N. The use of standardized patients in nursing education. Ramathibodi Nursing Journal 2016;21(3):289-97. (in Thai).
3. Kunaviktikul W. Teaching and learning in the discipline of nursing in the 21st century. Nursing Journal 2016;42(2):152-6. (in Thai).
4. Khamwong M, Sirimai W, Kunlaka S, Wattanabenjasopa S, Nuchusuk C. Development of objective structured clinical examination (OSCE) model in practicum of nursing care of persons with mental health problems subject. Journal of Boromarajonani College of Nursing, Bangkok 2017;34(2):138-53. (in Thai).
5. Kumkong M. Patient safety: a guideline to nursing practicum. The Southern College Network Journal of Nursing and Public Health 2019;6(1):216-28 (in Thai).
6. Harden RM. What is an OSCE? Medical Teacher 1988;10:19-22.
7. Chukumnerd S, Puicharoen S. The use of objective structured clinical examination (OSCE) in Nursing Education. The Southern College Network Journal of Nursing and Public Health. 2017;4(3):236-48. (in Thai).
8. Prasertmuang D, Chunpetch A, The development of assessment and measurement tool of clinical skill with objective structured clinical examination (OSCE) for students of Nursing college under the Praboromarajchanok Institute 2017;9(3):95-110. (in Thai).
9. The Praboromarajchanok Institute.The manual of assessment for clinical skill with Objective Structured Clinical Examination (OSCE). nonthaburi: YTR printing; 2016. (in Thai).
10. Miller G E. The Assessment of clinical skills /competence/performance. Acad Med. .1990 Sep;65 (9Suppl):S63-7
11. Peplau H. Interpersonal relations: a theoretical framework for application in nursing.New York: G. Putnam & Sons ; 1952. Mary, Boyd . Essentials of Psychiatric Nursing. Philadelphia: Wolters Kluwer;2017.
12. Mary, T C. Psychiatric Mental Health Nursing : Concept of Care in Evidence-Base Practice (9th ed.). Philadelphia: F.A. Davis Company; 2018.
13. Sitticharoon C. Principle of medical education assessment: experience from meeting of association of medical education in Europe (AMEE) 2014 Siriraj Medical Bulletin 2014;8(2):79-82. (in Thai).
14. Inkaew T, PakantaI,.Objective Structured Clinical Examination (OSCE): application in nursing practicum. Journal of Nursing and Health Sciences 2017;11(3):1-7. (in Thai).
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล (วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ) ไม่สามารถนำไปตีพิมพ์ซ้ำในวารสารฉบับอื่น