ผลของเครื่องมือปรับแต่งจมูกและสันเหงือกก่อนการทำศัลยกรรมของมหาวิทยาลัยขอนแก่นต่อรูปร่างสันเหงือกบน ในผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ด้านเดียวโดยสมบูรณ์: การประเมินตามระเบียบการโดยสมบูรณ์
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาก่อนหน้ามีการรายงานการเปลี่ยนแปลงรูปร่างสันเหงือกบนหลังจากใช้เครื่องมือปรับแต่งจมูกและสันเหงือกก่อนการทำศัลยกรรมของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ด้านเดียวโดยสมบูรณ์ เนื่องด้วยเครื่องมือดังกล่าวประกอบด้วยองค์ประกอบสามส่วนที่แยกจากกัน ผลการรักษาเฉพาะส่วนยังไม่เป็นที่ชัดเจน จึงเป็นที่มาของการวิจัยเพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงรูปร่างสันเหงือกบนภายหลังจากใช้เครื่องมือดังกล่าว ผู้วิจัยทำการวิจัยแบบจำลองสันเหงือกบนของทารกปากแหว่งเพดานโหว่ด้านเดียวโดยสมบูรณ์ทั้งหมด 24 คนภายหลังการใช้เครื่องมือปรับแต่งจมูกและสันเหงือกก่อนการทำศัลยกรรมของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ณ ก่อนการรักษา (T1) ภายหลังการใส่เครื่องมือสองสัปดาห์ (T2) และก่อนเย็บริมฝีปากบน (T3) ผู้วิจัยซึ่งมีประสบการณ์คนเดียวทำการกำหนดจุดอ้างอิงและวัดค่าต่างๆ โดยตรง ได้แก่ ความกว้างช่องโหว่สันเหงือก ความกว้างสันเหงือกด้านหน้า ความกว้างสันเหงือกกึ่งกลางเพดาน ความกว้างสันเหงือกด้านหลัง ความยาวสันเหงือกด้านหน้า ความยาวสันเหงือกทั้งหมด ความยาวโค้งสันเหงือก และ ความเบี่ยงเบนเส้นกึ่งกลางสันเหงือก ความน่าเชื่อถือของผู้วิจัย (Intra-examiner reliability) ตรวจสอบด้วยสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Intraclass correlation; ICC) ทุกค่ามีการกระจายข้อมูลปกติ ข้อมูลจึงถูกวิเคราะห์ด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนเมื่อมีการวัดซ้ำ (repeated measure ANOVA) ผลการศึกษาพบว่าอายุเฉลี่ยก่อนและหลังการรักษาเท่ากับ 16.33±17.36 และ 123.21 ± 32.76 วันตามลำดับ ระยะเวลาการรักษาทั้งหมด 105.29±33.98 วัน ค่าความกว้างช่องโหว่สันเหงือก และความเบี่ยงเบนเส้นกึ่งกลางสันเหงือกลดลง (6.23 ± 0.49 และ 3.62±2.49 มิลลิเมตรตามลำดับ) อย่างมีนัยสำคัญจาก T1 ถึง T3 (p = 0.00) นอกจากนี้ความยาวโค้งสันเหงือกค่อยๆ เพิ่มขึ้นในช่วงระหว่าง T1, T2 และ T3 (p<0.05) (6.52±1.17 มิลลิเมตร) ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในค่าความกว้างสันเหงือกด้านหน้า ความกว้างสันเหงือกกึ่งกลางเพดาน ความกว้างสันเหงือกด้านหลัง ความยาวสันเหงือกด้านหน้า และความยาวสันเหงือกทั้งหมด ณ T2 และ T3 (p>0.05) จากการศึกษาสรุปได้ว่าความรุนแรงของช่องโหว่สันเหงือกบนลดลงอย่างมีนัยสำคัญภายหลังใช้เครื่องมือปรับแต่งจมูกและสันเหงือกก่อนการทำศัลยกรรมของมหาวิทยาลัยขอนแก่นสองสัปดาห์แรกเป็นผลมาจากผ้าคาดปาก (labial taping) และความรุนแรงลดลงเพิ่มขึ้นโดยใช้เพดานเทียมร่วมกับสกรูชนิดหดตัว (contraction-screw plate) เพิ่มเติมจนกระทั่งผู้ป่วยเย็บริมฝีปากบน ดังนั้นตำแหน่งสันเหงือกบนที่ดีขึ้นทำให้การผลการรักษาก่อนการผ่าตัดได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
Article Details
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ทีได้รับการลงตีพิมพ์ในวิทยาสารทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จากคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
Spengler AL, Chavarria C, Teichgraeber JF, Gateno J, Xia JJ. Presurgical nasoalveolar molding therapy for the treatment of bilateral cleft lip and palate: a preliminary study. Cleft Palate Craniofac J 2006;43(3):321-8.
Grayson BH, Santiago PE, Brecht LE, Cutting CB. Presurgical nasoalveolar molding in infants with cleft lip and palate. Cleft Palate Craniofac J 1999;36(6):486-98.
Manosudprasit M, Chongcharueyskul P. Presurgical Nasoalveolar Molding Techniques for a Complete Unilateral Cleft Lip and Palate Infant: A Case Report. J Med Assoc Thai 2015;98(7):S234-42.
Wongpetch R, Manosudprasit M, Pitiphat W, Manosudprasit A, Manosudprasit A. Dentoalveolar Changes after using nasoalveolar molding device in complete unilateral cleft lip and palate patients. J Med Assoc Thai 2017; 100(8):S117-22.
Prahl C, Kuijpers‐Jagtman AM, Van'T Hof MA, Prahl‐Andersen B. A randomised prospective clinical trial into the effect of infant orthopaedics on maxillary arch dimensions in unilateral cleft lip and palate (Dutchcleft). Eur J Oral Sci 2001;109(5):297-305.
Sabarinath V, Thombare P, Hazarey P, Radhakrishnan V, Agrekar S. Changes in maxillary alveolar morphology with nasoalveolar molding. J Clin Pediatr Dent 2010; 35(2):207-12.
Adali N, Mars M, Petrie A, Noar J, Sommerlad B. Presurgical orthopedics has no effect on archform in unilateral cleft lip and palate. Cleft Palate Craniofac J 2012;49(1):5-13.
Monasterio L, Ford A, Gutiérrez C, Tastets ME, García J. Comparative study of nasoalveolar molding methods: nasal elevator plus DynaCleft® versus NAM-Grayson in patients with complete unilateral cleft lip and palate. Cleft Palate Craniofac J 2013;50(5):548-54.
Abdiu A, Ohannessian P, Berggren A. The nasal alar elevator: A new device that may reduce the need for primary operation of the nose in patients with cleft lip. Scand J Plast Reconstr Surg Hand Surg 2009;43(2):71-4.
Doruk C, Kiliç B. Extraoral nasal molding in a newborn with unilateral cleft lip and palate: a case report. Cleft Palate Craniofac J 2005;42(6):699-702.
Smith KS, Henry BT, Scott MA. Presurgical dentofacial orthopedic management of the cleft patient. Oral Maxillofacial Surg Clin N Am 2016;28(2):169-76.
Awasthi P, Thahriani A, Bhattacharya A. Nasoalveolar morphology following presurgical orthopedic treatment in unilateral cleft lip alveolus and palate infants. Int J Dent Med Spec 2016;3(1):6-11.
Dawjee S, Julyan J, Krynauw J. Lip tape therapy in patients with a cleft lip-a report on eight cases: clinical communication. S Afr Dent J 2014;69(2):62-9.
Grayson BH, Shetye PR. Presurgical nasoalveolar moulding treatment in cleft lip and palate patients. Indian J of Plast Surg 2009;42(Suppl):S56-61.
Berggren A, editor Surgical tape and the nasal alar elevator—two simple and useful tools in the early preoperative treatment of cleft lip patients. International Congress of cleft lip-palate and craniofacial Anomalies; 2001.
Grayson BH, Maull D. Nasoalveolar molding for infants born with clefts of the lip, alveolus and palate. Clin Plast Surg 2004;31(2):451-8.
Manosudprasit M, Wangsrimongkol T, Pisek P, Wiwatworakul O. Pre-surgical nasoalveolar molding technique: a literature review. J Med Assoc Thai 2014; 97(10): S17-24.
