ข้อกำหนดทางเคมีของรากช้าพลู
Main Article Content
บทคัดย่อ
“รากช้าพลู” เป็นรากของพืชที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Piper sarmentosum Roxb. วงศ์ Piperaceae จัดเป็นเครื่องยาที่ใช้ในตำรายาไทยมาแต่โบราณ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำข้อกำหนดทางเคมีของรากช้าพลูเพื่อใช้ในการควบคุมคุณภาพของสมุนไพร โดยได้จัดหาตัวอย่างรากช้าพลูจากร้านขายยาสมุนไพร และเก็บจากแหล่งธรรมชาติทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด จำนวน 15 ตัวอย่าง ทำการตรวจเอกลักษณ์ทางเคมี และการทดสอบคุณสมบัติอื่นๆ ได้แก่ ปริมาณความชื้น ปริมาณเถ้ารวม ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรด ปริมาณสารสกัดด้วยเอทานอล และปริมาณสารสกัดด้วยน้ำ เปรียบเทียบกับตัวอย่างอ้างอิง จากการศึกษาพบว่าสารสกัดของรากช้าพลูด้วย 95% เอทานอล พบแถบของสารซึ่งแยกด้วยโครมาโตรกราฟี ชนิดผิวบาง จำนวน 14 จุด และพบว่าค่าเฉลี่ยของปริมาณความชื้น ปริมาณเถ้ารวม ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรด ปริมาณสารสกัดด้วยเอทานอล และปริมาณสารสกัดด้วยน้ำ คือ 8.85±1.36, 10.18±2.18, 2.30±1.16, 4.27±1.29 และ 10.98±2.31 โดยน้ำหนัก ตามลำดับ ซึ่งข้อมูลที่ได้สามารถนำไปใช้ประกอบการพิจารณาจัดทำข้อกำหนดมาตรฐานของรากช้าพลู ต่อไป
Article Details
เอกสารอ้างอิง
2. เฉลิมพล สุวรรณภักดี. การศึกษาอนุกรมวิธานพืชสกุลพริกไทย (Piper L.) ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์; 2548. จำนวน 174 หน้า.
3. Backer CA, Barkhuizen van den Brink RC. Piperaceae. Flora of Java, Vol. 1. Groningen (The Netherlands): Wolters- Noordhoff N.V.; 1963. p. 168-72.
4. เสงี่ยม พงษ์บุญรอด. ไม้เทศเมืองไทย สรรพคุณของยาเทศและยาไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์เฟื่องอักษร; 2514. หน้า 180.
5. ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2555. บัญชียาจากสมุนไพร พ.ศ. 2555 แนบท้าย ประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เรื่อง บัญชียาหลักแห่งชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2555. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 129, ตอนพิเศษ 85 ง, ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2555.
6. Kirtikar KR, Basu BD, An ICS. Indian medicinal plant, VoI. III. 2nd ed. Dehra Dun: Bishen Singh Mahendra Pal Singh; 1980. p. 2136.
7. Duke JA., Ayensu ED. Medicinal plant of china, Vol. 2. Michigan: Reference Publications, Inc.; 1985. p. 485
8. Tuntiwachwuttikul P, Phansa P, Pootaeng-on Y, Taylor WC. Chemical constituent of the roots of Piper sarmentosum. Chem Pharm Bull. 2006;54(2):149-51.
9. Ee GC, Lim CM, Lim CK, Rahmani M, Shaari K, Bong CF. Alkaloids from Piper sarmentosum and Piper nigrum. Nat Prod Res. 2009;23(15):1416-23.
10. Sawangjaroen N, Sawangjaroen K, Poonpanang P. Effects of Piper longum fruit, Piper sarmentosum root and Quercus infectoria nut gall on caecal amoebiasis in mice. J Ethnopharmacol. 2004;91(2-3):357-60.
11. นันทนา สิทธิชัย. มาตรฐานของสมุนไพรในตำรามาตรฐานยาสมุนไพรไทย. วารสารสมุนไพร. 2547;11(1):21-32.
12. Department of Medical Sciences, Ministry of Public Health. Thai Herbal Pharmacopoeia, Vol. III. Banngkok: Office of National Buddishm Press; 2009. p. 155-62.
13. Moffat AC, Osselton MD, Widdop B. Clarke’s Analysis of drugs and poisons in pharmaceuticals, body fluids and postmortem material. 4th ed. London: Pharmaceutical Press; 2011. p. 477.
14. นันทวัน บุณยะประภัศร. การตรวจสอบทางเคมีเบื้องต้นของสารสกัดจากพืช. ใน: วันดี กฤษณพันธ์ (บรรณาธิการ). ยาและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เล่มที่ 1. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2536. หน้า 116-29.
15. Coscia CJ. CRC handbook of chromatography terpenoids, Vol. I. Florida: CRC Press, Inc.; 1984. p. 107-17.
16. อ้อมบุญ ล้วนรัตน์. การเตรียมสมุนไพรเพื่อการค้า. ใน: วันดี กฤษณพันธ์, บรรณาธิการ. ยาและผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเล่มที่ 1. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล; 2536. หน้า 9-19.
17. World Health Organization. Quality control methods for medicinal plant meterials. Geneva: WHO Press; 2011. p. 31-5.