การตรวจสอบคุณภาพของแบบประเมินความรอบรู้สุขภาพด้านอาชีวอนามัย สำหรับพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม
Main Article Content
บทคัดย่อ
ความรอบรู้สุขภาพเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการส่งเสริมพนักงานให้มีสุขภาพดี การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพแบบประเมินความรอบรู้สุขภาพด้านอาชีวอนามัย ใช้รูปแบบวิจัยและพัฒนา กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงานปฏิบัติงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง จำนวน 546 คน เครื่องมือเป็นแบบตรวจสอบคุณภาพของแบบประเมินความรอบรู้สุขภาพด้าน อาชีวอนามัย สถิติที่ใช้ในการทดสอบ ได้แก่ ดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามและวัตถุประสงค์ การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ ค่าความเชื่อมั่นแอลฟา และความสัมพันธ์ระหว่างรายข้อ-โดยรวม
ผลการศึกษาพบว่า แบบประเมินความรอบรู้สุขภาพด้านอาชีวอนามัยมีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามและวัตถุประสงค์อยู่ระหว่าง 0.600 – 1.000 โดยผ่านการทดสอบองค์ประกอบเชิงสำรวจ จำนวน 43 ข้อ สามารถวัดองค์ประกอบได้ 6 ด้านประกอบด้วยการเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพ (จำนวน 3 ข้อ) การอ่านและทำความเข้าใจ (จำนวน 12 ข้อ) ทักษะสื่อสาร (จำนวน 9 ข้อ) การตัดสินใจและนำไปใช้ (จำนวน 11 ข้อ) การรู้เท่าทันสื่อ (จำนวน 4 ข้อ) และการจัดการสุขภาพตนเอง (จำนวน 4 ข้อ) มีค่าไคเซอร์-เมอเยอร์-ออลคินในการทดสอบความเหมาะสมของกลุ่มตัวอย่างเท่ากับ 0.952 ค่าทดสอบของบาร์ทเลทท์ (Bartlett’s test) มีนัยสำคัญทางสถิติ และค่าไคสแควร์เท่ากับ 9862.476 สำหรับผลการทดสอบความเชื่อมั่นแอลฟาพบว่า มีค่าความเชื่อมั่นแอลฟาทั้งฉบับเท่ากับ 0.962 และค่าความสัมพันธ์ระหว่างรายข้อ-โดยรวม อยู่ระหว่าง 0.322 - 0.799 สรุปได้ว่า แบบประเมินชุดนี้ผ่านการตรวจสอบตามคุณสมบัติของการวัดและประเมินผล สามารถนำไปใช้กับพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดได้ สำหรับอุตสาหกรรมที่มีลักษณะงานแตกต่างจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดนี้ควรมีการประเมินผลการทดสอบก่อนนำไปใช้
Article Details
Journal of Safety and Health is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) licence, unless otherwise stated.
References
กฎกระทรวง. (2548). ว่าด้วยการจัดสวัสดิการในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2548. ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ 122ตอนที่ 29, ลงวันที่ 29 มีนาคม 2548.
กองสุขศึกษา. (2560). Health literacy and health behavior. สืบค้นเมื่อ 13 สิงหาคม 2562,จาก http://www.hed.go.th/linkHed/321
คณะกรรมการอำนายการจัดทำแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ กระทรงสาธารณสุข. (2559). (ร่าง) แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564). สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 2562,จาก http://wops.moph.go.th/ops/oic/data/20161115144754_1_.pdf
ทนงศักดิ์ ยิ่งรัตนสุข, ฌาน ปัทมะ พลยง, และพรทิพย์ เย็นใจ. (2561). การตรวจสอบคุณภาพแบบทดสอบทัศนคติความปลอดภัยเพื่อใช้ประเมินทัศนคติด้านความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานตามโครงการความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของประเทศไทย. วารสารควบคุมโรค, 44, 388-399.
ทิพรดา ประสิทธิแพทย์, กุหลาบ รัตนสัจธรรม, ชิงชัย เมธพัฒน์, และอนามัย เทศกะทึก. (2561). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะอ้วนลงพุงของพนักงานสถานประกอบการขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออก. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 27(5), 792-799.
นพพร ชื่นกลิ่น, สุดา พะเนียงทอง, สุภวาร มนิมนากร, และนาฎอนงค์ เจริญสันติสุข. (2555). ผลกระทบต่อสุขภาพในเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 21, 1105-1118.
ประสพชัย พสุนนท์. (2557). ความเชื่อมั่นของแบบสอบถามในการวิจัยเชิงปริมาณ. วารสารปริชาต มหาวิทยาลัย-ทักษิณ, 27, 145-163.
อังศินันท์ อินทรกำแหง. (2560). รายงานฉบับสมบูรณ์เรื่อง การสร้างและพัฒนาเครื่องมือรอบรู้สุขภาพของคนไทย. สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. กรุงเทพฯ.
Azizi, N., Karimy, M., Abedini, R., Armoon, B., & Motazeri, A. (2019). Development and validation of the health literacy scale for worker. Development and validation of the health literacy scale for workers. Int J Occup Environ Med, 10, 30-39.
Baker, D.W. (2006). The meaning and the measure of health literacy. J Gen Intern Med, 21(8), 878-883.
Berkman, N.D., Davis, T.C., & McCormack, L. (2010). Health literacy: what is it?. J Health Commun, 15(2), 9–19.
Berkman, N.D., Sheridan, S.L., Donahue, K.E., Halpern, D.J., & Crotty, K. (2011). Low health literacy and health outcomes: an updated systematic re-view. Ann Intern Med, 155(2), 97–107.
Comrey, A.L., & Lee, H.B. (1992). A first course in factor analysis. (2nd ed). Hillsdale, NJ: Erlbaum.
Drost, E. (2011). Validity and reliability in social science research. Education Research and Perspectives, 38, 105-123.
Garrett, J.H.E. (1985). Statistics in psychology and education. Feffer and Simons Press, New York.
Haghdoost, A.A., et al. (2015). Iranian Health Literacy Questionnaire (IHLQ): An Instrument for Measuring Health Literacy in Iran. Iranian Red Crescent Medical Journal, 17(6), e25831.doi:10.5812/ircmj.17(5)2015.25831
Kickbusch, I., Pelikan, J.M., Apfel, F., & Tsouros, A.D. (2013). Health Literacy. The Solid Facts. 2013. Retrieved September 7, 2019, from https://apps.who.int/iris/bitstream/handle/10665/ 128703/e96854.pdf
Langkusen, U., Vichit-Vadakan, N., & Taptaganporn, S. (2011). Safety and health in the petrochemical industry in Map Ta Phut, Thailand. J Occup Health, 53, 384-392.
Nutbeam, D. (2008). The evolving concept of health literacy. Soc Sci Med, 67, 2072-2078.
Nutbeam, D. (2000). Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health Promotion International, 15, 259-267.
Rovinelli, R.J., & Hambleton, R.K. (1977). On the use of content specialists in the assessment of criterion referenced test item validity. Dutch J Edu Res, 2, 49-60.
Sørensen, K., Broucke, S.V., Fullam, J., Doyle, G., & Pelikan, J. (2012). Health literacy and public health: A systematic review and integration of definitions and models. Retrieved February 12, 2019, form https://doi.org/10.1186/1471-2458-12-80
Streiner, D.L. (2003). Starting at the beginning: an introduction to coefficient alpha and internal consistency. J Pers Assess, 80, 99-103.
Willians, B., Onsman, A., & Brown, T. (2011). Exploratory factor analysis: A five-step guide for novices. Journal of Emergency Primary Health Care, 8, 1-13.