การพัฒนารูปแบบการนิเทศทางคลินิกของผู้บริหารระดับต้นเพื่อเพิ่มคุณภาพการพยาบาล ผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด โรงพยาบาลพังงา

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

              การวิจัยและพัฒนา (research and development) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการนิเทศทางคลินิกของผู้บริหารระดับต้น 2) ศึกษาผลการพัฒนารูปแบบ ดำเนินการ 4 ระยะ ได้แก่ 1) ศึกษาสถานการณ์ปัญหาและความต้องการ        2) พัฒนารูปแบบการนิเทศทางคลินิก 3) นำรูปแบบการนิเทศทางคลินิกไปใช้เพื่อตรวจสอบประสิทธิผล และ 4) ประเมินผลปรับปรุงแก้ไขและยืนยันคุณภาพรูปแบบการนิเทศทางคลินิก กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารระดับต้น 14 คน พยาบาลวิชาชีพ     45 คน และเวชระเบียนของผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดก่อนและหลังการพัฒนารูปแบบ กลุ่มละ 30 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แนวคำถามในการสนทนากลุ่ม 2) คู่มือการนิเทศทางคลินิก 3) แบบทดสอบความรู้ 4) แบบประเมินทักษะ 5) แบบประเมินเจตคติ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้บริหารระดับต้นและพยาบาลวิชาชีพ และ 7) แบบบันทึกกระบวนการดูแลและผลลัพธ์การพยาบาล ตรวจสอบเครื่องมือโดยผู้ทรงคุณวุฒิ ค่า CVI เท่ากับ 0.93-1.00 ค่า Cronbach’s Alpha เท่ากับ 0.656- 0.990 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา paired t- test, Wilcoxon  matched- pair signed-ranks test และ Chi- square

ผลการวิจัย พบว่า 1) รูปแบบการนิเทศทางคลินิก ประกอบด้วย การเตรียมความพร้อมผู้นิเทศ การวางแผนการนิเทศ การดำเนินกิจกรรมการนิเทศและสรุปผลการนิเทศ 2) หลังใช้รูปแบบการนิเทศทางคลินิก พบว่า ผู้บริหารระดับต้นมีความรู้ ทักษะ เจตคติและมีความพึงพอใจสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เช่นเดียวกันพยาบาลวิชาชีพ       มีความรู้ ทัศนคติ และความพึงพอใจสูงกว่าก่อนใช้รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ ผลลัพธ์ด้านผู้ป่วย อัตราการได้รับยาปฏิชีวนะภายใน 1 ชม. อัตราการได้รับสารน้ำ 1,000-1,500 มล./กก.ภายใน 1 ชม.และ อัตราได้รับการดูแลใน ICU ภายใน 3 ชม. เพิ่มขึ้นหลังการใช้รูปแบบ ส่วนอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด และอัตราการเกิดภาวะ septic shock ลดลงหลังการใช้รูปแบบ