การพัฒนาแนวทางปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาชนิดควบคุมพิเศษ

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

                 การวิจัยและพัฒนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและศึกษาผลลัพธ์ของแนวทางปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาชนิดควบคุมพิเศษ กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง เป็นพยาบาลวิชาชีพ 52 คน และผู้ป่วยติดเชื้อดื้อยา 113 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) แบบวัดความรู้ของพยาบาล (2) แบบสังเกตการปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติการพยาบาล (3) แบบสอบถามความคิดเห็นพยาบาลต่อแนวทางปฏิบัติการพยาบาล และ (4) แบบบันทึกอุบัติการณ์การติดเชื้อดื้อยาชนิดควบคุมพิเศษ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติทีคู่ และเปรียบเทียบอุบัติการณ์การติดเชื้อดื้อยา

                 ผลการวิจัย พบว่า แนวทางปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาชนิดควบคุมพิเศษมี 4 องค์ประกอบ ดังนี้ (1) การให้ความรู้พยาบาล (2) แนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยาชนิดควบคุมพิเศษแบบเคร่งครัด (3) เครื่องมือสนับสนุนการปฏิบัติ และ (4) การนิเทศติดตาม หลังใช้แนวทางปฏิบัติฯ พยาบาลมีค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้หลังใช้สูงกว่าก่อนใช้แนวปฏิบัติฯ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t -6.39, p < .01) พยาบาลมีค่าคะแนนการปฏิบัติการพยาบาลได้ถูกต้องตามแนวทางปฏิบัติฯ โดยรวมเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 83.3 เป็นร้อยละ 91.3 และความคิดเห็นของพยาบาลต่อแนวทางปฏิบัติฯ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (Mean 3.32, SD .49) โดยข้อที่มีคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุด คือ  ช่วยให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพ (Mean 3.38, SD .49) รองลงมา คือ ช่วยให้อุบัติการณ์การติดเชื้อดื้อยาลดลง (Mean 3.35, SD .56) และเกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยและญาติ (Mean 3.35, SD .52) หลังใช้แนวทางปฏิบัติฯ พบว่า อุบัติการณ์การติดเชื้อดื้อยาชนิดควบคุมพิเศษลดลงจาก 0.88 ครั้งต่อ 1,000 วันนอน เป็น 0.30 ครั้งต่อ 1,000 วันนอน