Effects of Health Promoting Program on Blood Sugar Levels of Uncontrolled Type-2 Diabetes Mellitus Patients, Wang Yang Sub-district, Si Prachan District, SuphanBuri Province
Keywords:
Health promotion program, Type 2 diabetic patients, Blood sugarAbstract
This quasi-experimental study aimed to evaluate the effects of a health promotion program on blood sugar levels of uncontrolled type 2 diabetes mellitus patients in Wang Yang sub-district, Si Prachan district, Suphan Buri province. The sample included 68 type 2 diabetes patients selected through multi-stage random sampling. The instruments included a health promotion program for blood sugar control and questionnaires measuring knowledge, attitudes, behaviors, and blood sugar levels from a diabetes clinic. Data analysis used descriptive statistics and comparisons of means using paired t-test and independent t-test.
The results showed that the experimental group had significantly higher scores of knowledge, attitude, and health behavior than the control group (p<0.05). Knowledge mean scores of the experimental group was 13.85±0.98 and that of the control group was 8.14±2.29. Attitude score of the experimental group was 47.11±2.47 and control group was 23.52±3.40. Health behavior score of the experimental group was 121.67±1.60 and control group was 53.29±3.48. In addition, the experimental group had significantly lower average blood sugar levels, with an average of 148.47±25.29 compared to the control group's 160.29±14.93. The study concluded that the program was effective in improving blood sugar levels, knowledge, attitude, and behavior among diabetic patients. The research results demonstrated that promoting knowledge, attitudes, and health behaviors of uncontrolled type 2 diabetes mellitus patients with emphasis on providing education about blood sugar control can increase positive attitudes toward appropriate behavioral changes and result in decreased average blood sugar levels.
References
กมลวรรณ จักรแก้ว. (2561). การดูแลตนเองของผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน. เชียงใหม่: วิทยานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชา สาธารณสุขศาสตร์บัณฑิตวิทยาลัย.
กนกวรรณ ด้วงกลัด,ปัญญรัตน์ ลาภวงศ์วัฒนา และณัฐกมล ชาญสาธิตพร.(2564). โปรแกรมการส่งเสริมการจัดการตนเองในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมไม่ได้. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล, 36(1),66-83.
กรมควบคุมโรค. (2565).กองโรคไม่ติดต่อ /สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค. สืบค้น 3 มกราคม 2567.จาก, https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/181256
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ.(2567). รายงานข้อมูลอำเภอศรีประจันต์. สืบค้น 6 กุมภาพันธ์ 2567. จาก https://3doctor.hss.moph.go.th
กานต์ชนก สุทธิผล. (2565). ปัจจัยที่มีผลต่อการคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ศูนย์สุขภาพชุมชนประชานุเคราะห์ โรงพยาบาลราชบุรี:นครสีธรรมราชเวรสาร ฉบับที่ 5, 1-11.
กิติยากร คล่องดี, ศรัณญา เบญจกุล, มณฑา เก่งการพานิช, และธราดล เก่งการพานิช. (2562). ผลของโปรแกรมฉลาดบริโภคโดยประยุกต์แนวคิดการกำกับตนเองเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน นิดที่ 2 โรงพยาบาลเว ศาสตร์เขตร้อน. วารสารวิจัยและนวัตกรรมทางการพยาบาล. 25(3).326-339.
จิตรา จันทร์เกตุ. (2562). ผลลัพธ์ของโปรแกรมส่งเสริมพฤติกรรมการปรับตัวด้านโภชนาการต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จังหวัดราชบุรี. วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลผู้ใหญ่ขั้นสูง.บัณฑิตวิทยาลัยมหาววิทยาลัยคริสเตียน
ซูไฮนี ดอเลาะ และ โนเยาฮารี สาและ. (2562). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2. ยะลา: TUH Journal online Volume 4, 28 – 30.
ธัญญลักษณ์ แสนบุดดาและคณะ.(2566). ทฤษฎีแนวคิดการจัดการตนเองต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเหวานชนิดที่ 2.วารสารวิชาการสุขภาพและสุขภาพ: ปีที่1 ฉบับที่1
นายแพทย์ณัฐพงศ์ เลาห์ทวีรุ่งเรือง.(2563). ประโยชน์การออกกำลังกาย. กรุงเทพฯ:โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์.
นายแพทย์พงษ์ วรพงศ์พิเชษฐ. (2550). โยคะเพื่อพัฒนาร่างกายและจิตใจ. กรุงเทพฯ: แอคทีฟ พริ้นท์ จำกัด.
พานทิพย์ แสงประเสริฐ.(2550). ศึกษาผลของโปรแกรมการส่งเสริมการออกกำลังกายในบุคลากรในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต. วารสารพยาบาลของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี, 54(4):252-265.
แพทย์หญิงวรณัน เจริญหิรัญยิ่งยศ. (2563). ประเภทของโรคเบาหวาน. กรุงเทพฯ: แผนกเบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลวิภาวดี.
มะยุเรีย รุ่งเจริญอารีจิตต์. (2567). ผลของโปรแกรมความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้. วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคเหนือ). 34(2): 46-53.
ยลวรณัฏฐ์ จีรัชตกรณ์. (2566). การออกกำลังกายตามหลัก FITT. สืบค้น 13 มีนาคม 2567.จาก https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1567.
ศูนย์กายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล. (2560). ท่าบริหารร่างกายเพื่อสุขภาพ.นครปฐม: คณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล.
สุชาดา พวงจำปา. (2561). ประสิทธิผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเอง ต่อความรู้เรื่องโรคเบาหวาน พฤติกรรมการออกกำลังกายจำนวนก้าวเดิน และระดับฮีโมโกลบินเอวันซีของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. [วิทยานิพนธ์ปริญญาหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยบูรพา.
สุภาพร คำสม, แสงทอง ธีระทองคำ และกมลรัตน์ กิตติพิมพานนท์. (2560). ผลของโปรแกรมออกกำลังกายแบบแกว่งแขนต่อระดับน้ำตาลสะสมในเลือดและภาวะโภชนาการในผู้สูงอายุที่เป็นเบาหวานชนิดที่2 ในชุมชน. วารสารการปฏิบัติการพยาบาลและผดุงครรภ์ไทย. 4(2): 46-60.
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี.(2566). การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน.สืบค้น 18 กุมภาพันธ์ 2567. จาก https://www.dmthai.org/
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ. (2566). ความหมายของโรคเบาหวาน. สืบค้น 3 มกราคม 2567.
อุระณี รัตนพิทักษ์. (2553). การให้ความรู้จัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง. กรุงเทพฯ:สำนักงานหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ.
อารีรัตน์ แพงยอด. (2567). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน. 9(3). 135-148.
Creer, L.T. (2000). Self management at chronic illness. Handbook at self regulation. California: Academic.
Downloads
Published
Issue
Section
License
Copyright (c) 2025 Journal of Council of Community Public Health

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
- บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
- บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน