การพัฒนารูปแบบการสื่อสารผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารทางการพยาบาลและพยาบาลประจำการในโรงพยาบาลเอกชนภาคใต้
The Development of Communication Model through Digital Platform Using Participation of Nursing Administrators and Professional Nurses In a Private Hospital, Southern Thailand
คำสำคัญ:
รูปแบบการสื่อสาร, การมีส่วนร่วม, ดิจิทัลแพลตฟอร์ม, การสื่อสารองค์กร, ฝ่ายการพยาบาลบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research) ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาร่างรูปแบบการสื่อสารผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มของฝ่ายการพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในภาคใต้ แบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารทางการพยาบาลและพยาบาลประจำการ และศึกษาผลของการใช้รูปแบบดังกล่าว ประยุกต์ใช้แนวคิดการสื่อสารองค์กรและการมีส่วนร่วมในองค์กร ระเบียบวิธีวิจัยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการของแคมมิสและแมคทากาจ ร่วมกับกระบวนการคิดเชิงออกแบบ แบ่งการวิจัยเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 ขั้นวางแผน เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพเกี่ยวกับสถานการณ์การสื่อสารองค์กรของฝ่ายการพยาบาลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้บริหารทางการพยาบาล 8 คน และพยาบาลประจำการ 10 คนตามแนวคำถามกึ่งโครงสร้างที่มีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา เท่ากับ .86 ระยะที่ 2 ปฏิบัติการและสังเกต ผู้มีส่วนร่วมเป็นผู้บริหารทางการพยาบาล 20 คน พยาบาลประจำการ 177 คน เครื่องมือประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1) ร่างรูปแบบการสื่อสารองค์กรผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Prototype) ที่ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 คน 2) เครื่องมือประเมินผล คือแบบสอบถามพฤติกรรมการตอบรับการสื่อสาร ทดสอบความเชื่อมั่นด้วยวิธี Test Re-test ได้เท่ากับ .87 แบบสอบถามความพึงพอใจและแบบสอบถามการมีส่วนร่วมในการสื่อสารขององค์กร ทดสอบความเชื่อมั่นด้วยค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค (Alpha Cronbach coefficient) มีค่าเท่ากับ .96 และ .96 ตามลำดับ ระยะที่ 3 สะท้อนกลับ เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพเกี่ยวกับความเห็นต่อการใช้รูปแบบการสื่อสารองค์กรผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดยสัมภาษณ์ผู้บริหารทางการพยาบาล 6 คน และพยาบาลประจำการ 14 คน ทั้งวิธีสัมภาษณ์โดยตรงและสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพใช้วิธีวิเคราะห์คำหลัก และข้อมูลเชิงปริมาณใช้สถิติเชิงบรรยาย
ผลการวิจัยมีสองส่วน ได้แก่ 1) ร่างรูปแบบการสื่อสารองค์กรผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มของฝ่ายการพยาบาล เป็นรูปแบบการสื่อสารองค์กรแบบมีส่วนร่วม มีการสื่อสารสองทิศทางผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม เพื่อการบริหารองค์กรและการส่งเสริมการเรียนรู้โดยมีพยาบาลสารสนเทศ (Nurse informaticist) เป็นผู้จัดการระบบสื่อสารและการเรียนรู้ ส่วนของรูปแบบการสื่อสาร แบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับองค์กร ระดับฝ่าย และระดับบุคคล โดยจัดลำดับความสำคัญของการสื่อสาร แบ่งเป็นการสื่อสารแบบเร่งด่วนใน 24 ชั่วโมง และ ตามระยะเวลาความเหมาะสม โดยมีฝ่ายการพยาบาลเป็นผู้กำหนด รูปแบบการเรียนรู้ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มเกิดขึ้นจากการมีส่วนร่วมของกลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย 2 ระดับ ได้แก่ จากฝ่ายการพยาบาลลงสู่ฝ่ายปฏิบัติการ (Downward) และพยาบาลประจำการเป็นผู้คัดเลือกที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง (Upward) 2) ผลของการใช้รูปแบบการสื่อสาร ได้แก่ 1) พฤติกรรมการตอบสนองต่อส่งสาร พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ตอบรับการสื่อสารในช่วง 1-12 ชั่วโมงหลังจากมีการส่งสาร (ร้อยละ 38.66) ช่วงเวลาที่มีการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อตอบรับการสื่อสารมากที่สุด ได้แก่ ช่วงหลังเลิกงาน (ร้อยละ 60.90) จำนวนครั้งต่อวันของการเข้าใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์ม มากที่สุดคือ 1-2 ครั้ง/วัน (ร้อยละ 84.35) หน่วยงานที่ตอบรับการสื่อสารได้เร็วที่สุด ได้แก่ แผนกส่งเสริมสุขภาพ และหน่วยงานที่ตอบรับการสื่อสารมากที่สุด ได้แก่ แผนกอภิบาลผู้ป่วยหนัก รองลงมาคือ หอผู้ป่วยอายุรกรรมโรคหัวใจและหลอดเลือด 2) คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจในการใช้รูปแบบการสื่อสาร อยู่ในระดับมาก 3) คะแนนเฉลี่ยการมีส่วนร่วมในการตอบรับการสื่อสารอยู่ในระดับปานกลาง
การสื่อสารผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มและการเรียนรู้ในองค์กรจะบรรลุตามเป้าประสงค์และวิสัยทัศน์ได้ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของผู้บริหารทางการพยาบาลและพยาบาลประจำการ และการใช้เทคโนโลยีการสื่อสารมีหลากหลายที่พัฒนาขึ้นตามยุคสมัย และควรมีการสนับสนุนให้มีพยาบาลที่ความรู้ความสามารถด้านสารสนเทศและเทคโนโลยี (Nurse informaticist) เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการการสื่อสารภายในองค์กรให้มากขึ้น
Downloads
เอกสารอ้างอิง
Phaemala W, Factors That Affect Communication Problems Within And Organization : A Case study if United Standard Terminal PLC. [master’s minor thesis]. Thammasat University;2016. 2-18. Thai
Karlos B, Sarhit S. Social Network Behavior in Organization. Journal of Educational Review Faculty of Educational in MCU. 2016 3(1), 21-34. Thai. Available from http://www.ojs.mcu.ac.th/index.php/edmcu/article/download/1218/1003.
Deacha D, Kritsaya P, Jirapa N, et al. A Study of Viewpoints and Expectations of Generational Characteristics between Generation X and Generation Y. Chulalongkorn Business Review. 2014. 3 (141) : 1-17. Thai. Available from https://so01.tcithaijo.org/index.php/CBSReview/article/download/22362/19188/.
Kwanchanok K. Social Media Use and Generation Identity: The Differentiations between Baby Boomers Generation vs. Y Generation. [minor’s thesis]. Bangkok University; 2015. Thai Available from http://dspace.bu.ac.th/bitstream
Samart A. Line Programing and Inter-Oraganization Communication. Journal of NakhonRatchasima College; 2015. 9(1) 102-107. Available from http://journal.nmc.ac.th/th/admin/Journal/2558Vol9No1_17pdf.
Kemmis, S., Mctaggart, R., & Nixon, R. (2014). The action research doing critical participatory action research. [internet]. Available from www.springer.com
Dex S. Design Thinking Process. [internet]. [cite 2020 Aug 29]. Available from http://www.dexspace.co/design/thingking/overview/
Cohen J.M., & Uphoff N.T. Rural Development Participation: Concept and Measure For Project Design Implementation and Evaluation: Rural Development Committee Center for international Studies. New York: Cornell University Press.[Internet]. [cite 2020 Jul 18]. Available from https://doi.org/10.1016/0305-750X(80)90011X/123456789/3712/1/sasima_tumn.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2021 วารสาร มฉก.วิชาการ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
