ผลของการประยุกต์ใช้รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรมผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ชุมชนตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี
คำสำคัญ:
วิถีธรรม, โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง, รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบค่าน้ำตาลในเลือดและค่าความดันโลหิต ก่อนและหลังประยุกต์ใช้รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรมกลุ่มทดลอง 2) เพื่อเปรียบเทียบค่าน้ำตาลในเลือดและค่าความดันโลหิต ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมหลังประยุกต์ใช้รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรม 3) เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการปฏิบัติตนในการสร้างเสริมสุขภาพหลังประยุกต์ใช้รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรมระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 72 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง จำนวน 36 ราย และกลุ่มควบคุม จำนวน 36 ราย เลือกแบบเจาะจงตามเกณฑ์คุณสมบัติ เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรม ประกอบด้วย หลักปฏิบัติ 3ส (หลักการสวดมนต์ เจริญสมาธิ สนทนาธรรม) หลักปฏิบัติ 3อ (หลักการออกกำลังกาย การกำหนดอาหาร การควบคุมอารมณ์) หลักปฏิบัติ 1น (การนำหลักปฏิบัติ 3ส 3อ ปฏิบัติตามวิถีชีวิต) ฝึกปฏิบัติแต่ละกิจกรรมใช้ระยะเวลา 1 ชั่วโมง ห่างกันกิจกรรมละ 1 สัปดาห์ เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรม ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหา โดยผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 ท่าน หาค่าดัชนีของความสอดคล้อง ได้เท่ากับ .71 และค่าความเชื่อมั่น (Reliability) เท่ากับ .70 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบค่าน้ำตาลในเลือดและค่าความดันโลหิต ก่อนและหลังประยุกต์ใช้รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรมกลุ่มทดลองใช้สถิติ Pair sample t–test และเปรียบเทียบค่าน้ำตาลในเลือด ค่าความดันโลหิต ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม และเปรียบเทียบพฤติกรรมการปฏิบัติตนในการสร้างเสริมสุขภาพหลังประยุกต์ใช้รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรมระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ใช้สถิติ Independent sample t–test
ผลการศึกษา พบว่า หลังการประยุกต์ใช้รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรม กลุ่มทดลองมีระดับค่าน้ำตาลในเลือดและค่าความดันโลหิต Systolic ต่ำกว่าก่อนการทดลอง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เปรียบเทียบค่าน้ำตาลในเลือดและค่าความดันโลหิต Systolic ระหว่างกลุ่มทดลอง และควบคุม พบว่า กลุ่มทดลองมีค่าน้ำตาลในเลือดและค่าความดันโลหิต Systolic ลดลงกว่ากลุ่มควบคุม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพหลังการประยุกต์ใช้รูปแบบการสร้างเสริมสุขภาพด้วยหลักวิถีธรรม สูงกว่ากลุ่มควบคุม แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
Downloads
เอกสารอ้างอิง
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานเฝ้าระวังโรคทางระบาดวิทยา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2553.
กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.รายงานสถานการณ์โรค NCDs. นนทบุรี: สำนักพิมพ์อักษรกราฟิคแอนด์ดีไซด์; 2563.
สำนักระบาดวิทยา. สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรค ปี 2561 [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 21 เมษายน 2561]. เข้าถึงได้จาก: http//203.157.15.4/Annual/ANNUAL2550Part1AnnualMennuPart1.html
สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี (พ.ศ. 2560 - 2564). กรุงเทพฯ: บริษัท อิโมชั่น อาร์ต จำกัด; 2560.
กลุ่มพัฒนาระบบสาธารณสุขสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. ประเด็นสารรณรงค์วันความดันโลหิตสูงโลก ปี 2561 [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 10 ธันวาคม 2561]. เข้าถึงได้จาก: http://www.thaincd.com/document/file/info/non-communicable-disease
ข้อมูลบันทึกทะเบียนประวัติรายงานสุขภาพประจำปี ฝ่ายทะเบียน เขตบริการสุขภาพที่ 4 จังหวัดปทุมธานี. 2562.
ข้อมูลทะเบียนประวัติรายงานสถิติประชากรประจำปี สำนักทะเบียนองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี. 2562.
ข้อมูลบันทึกทะเบียนประวัติรายงานประจำปีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อเนื่องโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านฉาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี. 2562.
อุทัย สุดสุข. สาธารณสุขในพระไตรปิฎก บูรณาการสู่สุขภาพดี ชีวีมีสุข. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: เทพประทานการพิมพ์; 2554.
กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข. แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560 – 2564 อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 22 ตุลาคม 2563]. เข้าถึงได้จาก: https://bps.moph.go.th/new_bps/
สำนักบริหารการสาธารณสุข สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิอุทัย สุดสุข. รูปแบบโครงการสร้างเสริมสุขภาพ วิถีพุทธ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์นิวธรรมดา; 2556.
สำนักบริหารการสาธารณสุข สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิอุทัย สุดสุข. สรุปผลการสัมมนาพัฒนารูปแบบสุขภาพที่ดี วิถีพุทธ ด้านการสร้างสุขภาพและรักษาพยาบาล ปี 2557. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2557.
Kirk RE. Experimental design: Procedure for the behavioral sciences. 3rd ed. Pacific Groves: Brooks/Cole Publishing Company; 1995.
นงลักษณ์ วิรัชชัย. ชุดวิชา 21701 การวิจัยหลักสูตรและการเรียนการสอน หน่วยที่ 10 สถิติวิเคราะห์ เชิงปริมาณ: สถิติบรรยายและสถิติพาราเมตริก. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2553.
ลัดดา ปิยเศรษฐ์. การศึกษาการพัฒนารูปแบบการสร้างสุขภาพดี วิถีพุทธ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเรื้อรังในชุมชน: กรณีศึกษาบ้านคุยป่ารัง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร. นนทบุรี: กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข; 2557.
Cohen J. Statistical power analysis for the behavioral sciences. 2nd ed. Hillsdale, NJ: Erlbaum; 1988.
ข้อมูลบันทึกทะเบียนประวัติรายงานประจำปีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อเนื่องโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. 2562.
บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. สถิติการศึกษาวัดผล. ภาควิชาพื้นฐานการศึกษา. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ; 2545.
อุทัย สุดสุข. สาธารณสุขในพระไตรปิฎก บูรณาการสู่สุขภาพดี ชีวีมีสุข. พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพฯ: เทพประทานการพิมพ์; 2554.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพฯ: เอส.อาร์.พริ้นติ้ง แมสโปรดักส์ จำกัด; 2551.
จินดารักษ์ สมใจนึก, จอม สุวรรณโณ. ความสัมพันธ์ระหว่างอายุที่มีความดันโลหิตสูงและความดันโลหิตสูงในวัยเปลี่ยนผ่านของวัยรุ่นตอนปลายถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น. วารสารการพยาบาลหัวใจและทรวงอก 2563; 31(2): 63-77.
สมพร กันทรดุษฎี. การปฏิบัติการเพื่อการเยียวยาสุขภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการพิมพ์องค์การทหารผ่านศึก; 2552.
ทรงเดช ยศจำรัส, ปาริชา นิพพานนท์. ผลการพัฒนาความสามารถของตนเองและการตั้งเป้าหมายเพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในโรงพยาบาลชุมแพ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ 2556; 6(3): 130-140
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2021 วารสาร มฉก.วิชาการ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
