การจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้วิชาวิทยาภูมิคุ้มกันและทักษะในศตวรรษที่ 21
คำสำคัญ:
การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม, ทักษะในศตวรรษที่ 21, วิทยาภูมิคุ้มกันบทคัดย่อ
ได้นำการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมมาใช้เพื่อพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้และทักษะในศตวรรษที่ 21 ในการจัดการเรียนการสอนวิชาวิทยาภูมิคุ้มกัน ให้แก่นักศึกษาเทคนิคการแพทย์ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จำนวน 140 คน ที่ผ่านการวิเคราะห์ผู้เรียนในด้านรูปแบบการเรียนรู้แล้ว พบว่าส่วนใหญ่เป็นแบบมีส่วนร่วมและแบบร่วมมือ โดยให้นักศึกษาวางแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง เรื่องกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกันด้านสารน้ำผ่านการเล่นละคร ซึ่งทำให้นักศึกษาได้พัฒนาผลการเรียนรู้ทั้งห้าด้าน รวมถึงทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 เมื่อประเมินความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมนี้ พบว่ามีระดับความพึงพอใจมาก ส่วนผลการประเมินความรู้จากคะแนนสอบของเนื้อหาดังกล่าว พบว่ามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าสองปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< 0.05) อย่างไรก็ตามการเรียนรู้จากการฟังบรรยายยังคงมีความสำคัญเพื่อสื่อสารความรู้ในเชิงมโนทัศน์ ส่วนการจัดการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมนี้จะช่วยเสริมสร้างคุณลักษณะที่พึงประสงค์ พัฒนาผลการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ และเติมเต็มทักษะด้านอื่นแก่นักศึกษาเพื่อการเรียนรู้และใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในศตวรรษที่ 21
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. สำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ. แนวทางจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 [อินเทอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 19 พย 2561]. เข้าถึงได้จาก: https://webs.rmutl.ac.th/assets/upload/files/2016/09/
20160908101755_51855.pdf
3. กรมสุขภาพจิต. คู่มือฝึกอบรมแบบมีส่วนร่วม. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: วงศ์กมลโปรดักชั่น; 2544.
4. สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน. การจัดกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม. เชียงใหม่: เชียงใหม่ บีเอสการพิมพ์; 2544.
5. Suttirat S, Phunpanich T, Horata N. Lesson learned from immunology teaching using learning from activity “Who am I in the immune system?”. J Med Tech Assoc Thailand. 2014;42(1):4852-61.
6. Suttirat S, Phunpanich T. Evaluation of role play in complement topic, basic immunology subject for Medical Technology students, HCU. J Med Tech Assoc Thailand. 2004;32(1):594-604.
7. Suttirat S, Phunpanich T. The activity to support basic immunology learning: student-centered learning model, HCU. J of Science and Tech. 2004;7(14):27-32.
8. Suttirat S, Phunpanich T, Horata N. The development of learning method in immunology using sarcastic debate. J Med Tech Assoc Thailand. 2012;40(3):4311-20.
9. กรมสามัญศึกษากระทรวงศึกษาธิการ. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และการวิเคราะห์สาระสำคัญ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว; 89. 2542.
10. Grasha A, Reichman S. Workshop handout on learning styles. Ohio: Faculty Resource, University of Cincinanati; 1975.
11. ชัยอนันต์ สมุทวณิช. เพลิน-plearn (เล่นเรียน) เพลิน. กรุงเทพมหานคร: พีเพรส; 2541.
12. Buckingham D, Scanlon M. Education, entertainment, and learning in the home. Buckingham/Philadelphia: Open University; 2003.
13. นพวรรณ ต่อแสงศรี. การบูรณาการสารคดีละครและสาระบันเทิงของบริษัททีวีบูรพาจำกัดสู่สื่อสิ่งพิมพ์.[วิทยานิพนธ์]. กรุงเทพมหานคร; จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2553.
14. เทียมยศ ปะสาวะโน. เอดูเทนเมนต์: การศึกษาแนวใหม่ที่เน้นความบันเทิง. วารสารวไลอลงกรณ์ปริทัศน์ 2556;3(2):159-67.
15. สันติ บุญภิรมย์. การบริหารจัดการในห้องเรียน. กรุงเทพมหานคร: ทริปเพิ้ลเอ็ดดูเคชั่น; 2558.
16. ไพฑูรย์ สินลารัตน์. การศึกษา 4.0 เป็นยิ่งกว่าการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2559.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
