ปัจจัยทำนายความรอบรู้ การควบคุมป้องกันโรคโคโรนาไวรัส (โควิด-19) ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในเขตตำบลน้ำรึม อำเภอเมือง จังหวัดตาก
คำสำคัญ:
ความรอบรู้, โรคโคโรนาไวรัส, การควบคุมป้องกันโรค, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาภาคตัดขวางเชิงวิเคราะห์มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันตนเองในการปฏิบัติงานเฝ้าระวังการระบาดของโรคโควิด-19 กลุ่มตัวอย่างคืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เขตตำบลน้ำรึม อำเภอเมือง จังหวัดตาก ซึ่งศึกษาประชากรทั้งหมดจำนวน 410 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการถดถอยพหุคูณเชิงเส้น
ผลการศึกษาพบว่า อสม. มีความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันตนเองในระดับดีมาก ร้อยละ 85.12 และ 80.24 ตามลำดับ โดยปัจจัยที่มีผลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 จำแนกรายด้านคือ ด้านความรู้ความเข้าใจ มีปัจจัยเดียวคือการใช้สื่อสังคมออนไลน์โดยทำนายได้ร้อยละ 2.54 ด้านการเข้าถึงข้อมูลมี 3 ปัจจัย คือเขตที่อยู่อาศัย การเข้าร่วมกิจกรรมเชิงรุกในชุมชน และการเรียนรู้จากการสังเกตต้นแบบ ร่วมทำนายได้ร้อยละ 17.92 ด้านการรู้เท่าทันสื่อมี 4 ปัจจัย คือรายได้ การรับรู้การบริการสุขภาพเชิงรุกของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข การเข้าร่วมกิจกรรมเชิงรุกและการเรียนรู้จากการสังเกตต้นแบบ ร่วมทำนายได้ร้อยละ 22.45 ด้านการจัดการตนเองมี 3 ปัจจัย คือรายได้ การเข้าร่วมกิจกรรมเชิงรุก และการเรียนรู้จากการสังเกตต้นแบบ ร่วมทำนายได้ร้อยละ 12.73 และด้านการสื่อสารซักถามโต้ตอบ มี 4 ปัจจัย คือรายได้ การรับรู้การบริการสุขภาพเชิงรุก การเข้าร่วมกิจกรรมเชิงรุก และการเรียนรู้จากการสังเกตต้นแบบ ร่วมทำนายได้ร้อยละ 18.40 ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันตนเองอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ได้แก่ ความ รอบรู้ด้านสุขภาพ ด้านการจัดการตนเอง การเข้าถึงข้อมูลและการตัดสินใจเลือกปฏิบัติรวมถึงปัจจัยเขตที่อยู่อาศัย ร่วมทำนายได้ถึงร้อยละ 40.90
ข้อเสนอแนะ พัฒนาส่งเสริมให้ อสม. เข้าร่วมกิจกรรมเชิงรุกในชุมชนให้มากขึ้น เช่นกิจกรรมการค้นหากลุ่มเสี่ยง การคัดกรองโรคเชิงรุกเป็นต้น เนื่องจากมีผลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพ ด้านการเข้าถึงข้อมูล ด้านการรู้เท่าทันสื่อ ด้านการจัดการตนเอง และด้านการสื่อสารซักถามโต้ตอบ
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. (2563a, 5 มีนาคม). เรื่อง ท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) พ.ศ. 2563 ราชกิจจานุเษกษา, 137(ตอนพิเศษ 52 ง), 13–14.
กระทรวงสาธารณสุข. (2563b, 6 มีนาคม). ขอความร่วมมือสนับสนุนการรณรงค์ “อสม. เคาะประตูบ้านต้าน โควิด-19". สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2560). การเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพจากอสม. สู่ อสค. (พิมพ์ครั้งที่ 1). โอ-วิทย์ (ประเทศไทย).
กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2561). การเสริมสร้างและประเมินความรอบรู้ ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ กลุ่มเด็กและเยาวชน (อายุ 7 - 14 ปี) กลุ่มประชาชนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป. (ฉบับปรับปรุง ปี 2561).
กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2565, 6 พฤษภาคม). แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการเชื้อในโรงพยาบาล กรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข. https://covid19.dms.go.th/
ธนะวัฒน์ รวมสุก, อารยา ทิพย์วงศ์ และพรพรรณ วรสีหะ. (2563). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการช่วยเลิกบุหรี่ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จังหวัดสมุทรสงคราม. วารสารพยาบาล, 69(1), 10–18.
นรลักขณ์ เอื้อกิจ และลัดดาวัลย์ เพ็ญศรี. (2562). การประยุกต์ใช้แนวคิด PRECEDE MODEL ในการส่งสร้างเสริมสุขภาพ. วารสารพยาบาลสภากาชาดไทย, 12(1), 38-48.
ภมร ดรุณ และประกันชัย ไกรรัตน์. (2562). ปัจจัยความรอบรู้ด้านสุขภาพที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนจังหวัดบึงกาฬ. วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 15(3), 49-59.
ระบบสารสนเทศงานสุขภาพภาคประชาชน กองสนับสนุนสุขภาพภาคประชาชน. (2563). แนวทางการดำเนินงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพระดับจังหวัด. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก. (2564). รายงานผลการเฝ้าระวังสถานการณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ของประชาชน ครั้งที่ 1. ข้อมูลระหว่างวันที่ 7-15 เมษายน 2563.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก. (2565). รายงานผลการเฝ้าระวังสถานการณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ของประชาชน ครั้งที่ 3. ข้อมูลระหว่างวันที่ 2-19 พฤษภาคม 2565.
อารีย์ แร่ทอง. (2562). ศึกษาเรื่องความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ.2ส. ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กรณีศึกษาตำบลหินตก อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์, 12(2), 50-60.
World Health Organization, Thailand. (2020). The situation reports on COVID-19. Retrieved from https://www.who.int/thailand/ news/detail/14-10-2020-Thailand-IAR- COVID19
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลที่เผยแพร่ในวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์บทความโดยตรง
บทความ เนื้อหา ข้อมูล รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่หรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องอ้างอิงวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามทุกครั้ง